วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 7, 2024
Uncategorized

จะเป็นที่เทคโนโลยีหรือโลกโซเชี่ยลที่เราพูดกันบ่อยๆว่าพอมันเข้าทำให้คนความจำเสื่อมเช่นเบอร์โทรศัพท์สมัยก่อนเราจำได้เกือบทุกคนแต่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครจำเพราะโลกโซเชี่ยลมันจำแทนเรา นักเขียนกิตติมศักดิ์ได้นำเรื่อง “ความรู้สึกหรือจิตวิญญาณ ไม่ได้สอนในเรื่องของวัฒนธรรมที่ดีงามของเราชาวพุทธให้​  เลยทำให้นิสัยเปลี่ยนกลายเป็นเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักความรักความอบอุ่น​ ความมีมนุษย์สัมพันธ์ระหว่างคน” 

หรือว่าโลกกำลังจะมาถึงจุดที่ผู้คนไม่เหลือแม้จิตวิญญาณ

ต้องยอมรับว่าในฐานะคนรุ่นเก่า เห็นพัฒนาการที่เปลี่ยนไปของสังคมยุคปัจจุบัน แล้วรู้สึกว่านี่มันยังใช่โลกมนุษย์อยู่หรือ ทำไมผู้คนเปลี่ยนไปจนกระทั่งแทบจะเรียกว่ากลายเป็นหุ่นยนต์ หรือว่าสมองกลายเป็นกลวงโบ๋อยู่ที่ว่าเขาจะจับอะไรใส่เข้าไป ก็จะเป็นอย่างนั้นเราตั้งคำถามว่าทำไมผู้คนเดี๋ยวนี้จึงเชื่ออะไรง่ายและไม่เคยตั้งข้อสังเกตด้วยความสงสัยอันจะนำไปสู่การวิเคราะห์แล้วสามารถแยกอะไรออกมาได้ ทำไมคนรุ่นใหม่ที่มองว่าเหมือนชาญฉลาดเรียนรู้เทคโนโลยีได้ว่องไวแต่กลับไม่มีมุมคิด แล้วก็เลยตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นจนกลายเป็นว่าทำไมถึงได้เป็นไปได้ถึงขนาดนี้

เคยคิดแบบง่ายๆด้วยตัวเราเองว่า น่าจะเป็นเพราะว่าคนรุ่นนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ ไม่ได้สอนเรื่องของ ความรู้สึกหรือจิตวิญญาณ ไม่ได้สอนในเรื่องของวัฒนธรรมที่ดีงามของเราชาวพุทธให้​ เลยทำให้นิสัยเปลี่ยนกลายเป็นเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักความรักความอบอุ่น​ ความมีมนุษย์สัมพันธ์ระหว่างคน ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมโดดเดี่ยวที่หาที่พึ่งทางจิตใจไม่ได้จนกลายเป็นคนมีปมด้อย ดูเหมือนจะกลายเป็นคนเปราะบาง อะไรนิดอะไรหน่อยก็เก็บเอาไปคิดมาก เราโทษว่าเป็นเพราะพ่อแม่ยุคนี้สนใจแต่เรื่องทำมาหากินจนไม่มีเวลาดูแลลูก ปล่อยให้ลูกพึ่งแต่เครื่องมือสื่อสารทางเทคโนโลยีรุ่นใหม่ แล้วก็เลยทำให้กลายเป็นชีวิตที่ไร้จิตใจไร้ความรู้สึก ทำให้เราเห็นคนรุ่นนี้เชื่ออะไรกันแบบง่ายๆ บูชาอะไรกันแบบไม่ต้องคิด เปลี่ยนนิสัยจนไม่เหลือร่องรอยความเป็นมนุษย์ดั้งเดิม และนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าแม้กระทั่งสังคมในครอบครัวก็แทบจะไม่เหลือเยื่อใยต่อกัน

อาจเป็นเพราะความคิดของพวกเราซึ่งเป็นคนรุ่นเก่า เราอาจมีพื้นฐานทางการศึกษาไม่มากนัก จึงไม่สามารถวิเคราะห์ได้ละเอียดลึกซึ้ง แล้วสร้างมุมคิดได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่เราก็ได้มองเห็นการพัฒนาทางด้านการเปลี่ยนแปลง ที่ประเทศใหญ่ๆเริ่มมีมุมมองในการ ศึกษาค้นคว้าถึงความเป็นไป เราตั้งข้อสงสัยว่าทำไมต่างประเทศอย่างจีน จึงพยายามวางรากฐานทางด้านเศรษฐกิจโดยใช้การเชื่อมต่อทางการค้า ในขณะเดียวกันก็เริ่มพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีเพื่อให้เท่าทันกลุ่มมหาอำนาจดั้งเดิม ที่น่าสงสัยก็คือการอบรมบ่มนิสัยของเด็กในชาติ ได้พยายามดึงให้คนรุ่นใหม่กลับมาสนใจในเรื่องของ วัฒนธรรม ให้กลับมาฟื้นฟูสถาบันครอบครัว เราจึงเห็นคลิปที่เขาทำมาในลักษณะที่ว่าเด็กๆถูกปลูกฝังให้ช่วยครอบครัวทำมาหากินตั้งแต่เล็ก เราก็เพียงคิดได้แค่เพียงผิวเผินว่าน่าจะเป็นเพราะเขามองเห็นจุดอ่อน ของความไร้น้ำใจของคนยุคปัจจุบันจึงได้พยายามที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่ความเป็นโลกที่มีชีวิตจิตใจเหมือนเดิม

จนกระทั่งวันหนึ่งได้อ่านบทความที่ผู้ทรงภูมิผู้หนึ่งได้เขียนถึงที่มาที่ไปเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในด้านนี้ท่านให้คำนิยามว่า โลกในยุคปัจจุบัน ได้เริ่มต้นยุคดาต้านิยม ซึ่งกำลังถูกพัฒนาขึ้นมาแทนยุคทุนนิยมอันจะทำให้มนุษย์ถูกกลืนกินโดยเครือข่ายอัลกอริทึมในระดับที่ใหญ่ระดับโลกกันเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเครือข่ายอัลกอริทึมนี้ เมื่อพัฒนาไปจนถึงที่สุดจะกลืนกินโลกมนุษย์จนไม่เหลือ เรื่องจิตวิญญาณเรื่องของความรู้สึกกันต่อไป มนุษย์จะถูกลดความสำคัญลงไปเรื่อยๆเพราะจะถูกมอมเมาโดยเครือข่ายเหล่านี้ซึ่งจะทำลายความเป็นมนุษย์ให้ค่อยๆมลายหายไปเครือข่ายการพนันออนไลน์ เครือข่ายการมอมเมาในทางเกี่ยวกับการเปลี่ยนความคิด การปลูกฝังความรุนแรง การใช้ชีวิตเหมือนหุ่นจนกระทั่งมนุษย์กลายเป็นอ่อนแอไร้ที่พึ่งแล้วค่อยๆตกเป็นเหยื่อของระบบดาต้านิยมไปโดยปริยายโดยเขาพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าว่าอีกไม่กี่สิบปี มนุษย์จะกลายเป็นเครื่องมือของกระบวน การปั่นหัวที่จะทำให้ผู้คนกลายเป็นเหมือนจิ้งหรีด ถูกเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ชี้นำจูงจมูกไปจนไม่เหลือความเป็นคนอีก

พอมาถึงตรงนี้เริ่มรู้สึกได้ถึงภาพอะไรที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มมองเห็น โดยวัดเอาจากสภาพการปัจจุบัน เราเห็นผู้คนถูกล้างสมอง จนกลายเป็นปฏิปักษ์กับใครก็ได้ทะเลาะกับใครก็ได้เหมือนกลายเป็นไม่ใช่คน ศึกสงครามเกิดขึ้นในหลายๆประเทศ ก็ล้วนจากถูกปั่นหัวให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นโดยมีต้นตอให้เห็น คนที่มีจิตวิญญาณเป็นชาวพุทธอย่างพวกเราเคยตั้งคำถามบ่อยครั้งว่า ทำไมพวกนี้จึงชอบก่อความเดือดร้อนกันมากนัก ทำไมไม่ลดราวาศอกให้กันบ้างมาถึงตอนนี้นับว่าเข้าใจแล้ว นี่คือการทำลายล้างที่ไม่ยอมให้เหลือแม้กระทั่งรากเหง้าดั้งเดิมของความเป็นมนุษย์กันเลย อะไรมันจะเลวร้ายขนาดนั้นพอทำความเข้าใจได้ถึงตรงนี้ก็เลยเข้าใจว่าทำไมจีนจึงเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ถึงขนาดว่าโลกอาจจะต้องรีเซ็ตกันใหม่จึงกลับมาสอนวิธีการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมกับเด็กๆเพื่อหากสักวันหนึ่งมองในด้านเลวร้ายจนถึงที่สุด อาจจะมีการล้างโลกแล้วก็เหลือชีวิตที่รอดอุบัติขึ้นมาใหม่ ตรงนั้นจะทำให้ใครที่สามารถเรียนรู้การเอาชีวิตรอดได้แบบดึกดำบรรพ์กลับมาสู่การฟื้นฟูชีวิตได้ แล้วนั่นอาจจะเป็นอย่างที่ผู้คนเคยคิดกันไว้โลกใหม่ข้างหน้าอาจเป็นยุคของพระศรีอริยเมตไตรก็ได้ ในเมื่อความชั่วร้ายในรูปแบบของกิเลสได้ทำลายกันเองจนสิ้นโลกแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *