“เสาหลักแห่งความมั่นคง” “พ่อของแผ่นดิน” “แสงสว่างนำทาง” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นทุกอย่างของประชาชนชาวไทย และทรงเป็นมากยิ่งกว่านั้น “เสาหลักแห่งความมั่นคง”และ“พ่อของแผ่นดิน”…
ทำไมประวัติศาสตร์จึงมีความสำคัญ
วันนี้เมื่อเจ็ดปีที่แล้วคนไทยได้สูญเสียกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ที่ว่ายิ่งใหญ่ก็เพราะว่าพระองค์ทรงทำในสิ่งที่ นำพาให้คนไทยได้มีชีวิตที่เป็นสุข มีความมั่นคงในสัมมาชีพดีกว่าที่ผ่านมา ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานลดการทำลายธรรมชาติที่สำคัญคือลดความแตกแยกทางความคิดผู้คนที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย พระองค์ได้อุทิศตนเองคิดค้นและทำในสิ่งที่คนอื่นยากจะทำได้ ลองนึกภาพว่าคนที่เกิดในต่างแดนใช้ชีวิตเรียนรู้จากวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่ง และเมื่อถึงเวลาต้องกลับมาทำหน้าที่เป็นผู้นำในฐานะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ยังทรงมีสติแจ่มใสมองเห็นสภาพคนไทยที่ใช้ชีวิตกันอย่างแร้นแค้น จากการที่มีสาเหตุจากการที่ไม่มีคนไทยคนไหนทำหน้าที่เป็นผู้นำได้อย่างสมบูรณ์
ภาพในอดีตผู้คนที่อยู่กับความล้าหลัง ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านตาดำๆ ที่อาศัยการดำรงชีวิตแบบโบราณ เคยเป็นชาวไร่ชาวนา เคยเป็นเจ้าขุนมูลนายหรือพวกศักดินา เราก็ยังคงสภาพเหล่านั้นอยู่ กระทั่งมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไปศึกษาวิชาการมาจากตะวันตก ได้เรียนรู้ในสิ่งที่อาจจะเรียกว่าเป็นความเจริญทางด้านวิชาการที่เหนือกว่า แล้วก็เลยกลับมาเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทย แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้มีบทบาทในการที่จะทำให้ชีวิตของปวงประชาเป็นสุข สุดท้ายไอ้ที่ว่าการเปลี่ยนแปลง ก็แค่เปลี่ยนในมุมมองที่ให้คนอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมากดขี่ข่มเหงคนไทยซึ่งล้าหลังทางด้านวิชาการให้ได้รู้จักรูปแบบการปกครองแบบใหม่ ที่พยายามเลียนแบบฝรั่งมังค่าแล้วก็เรียกกันสวยงามว่าเป็นการปฏิวัติทางความคิด แต่สุดท้ายทุกอย่างของผู้คนก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรยังคงวนเวียนกับวิถีชีวิตแบบเดิมๆนี่คือสิ่งที่อยากจะกล่าวถึงมากที่สุด
ขณะนั้นสายเลือดขัตติยะที่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนถูกภาระที่เป็นไปตามชาติเชื้อต้องถูกเลือกให้มาทำหน้าที่เป็นกษัตริย์เป็นผู้นำของประเทศนี้ ลองนึกภาพของคนในวัยขนาดนั้นที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนตั้งแต่เล็ก สัมผัสแต่ความเจริญที่แตกต่างกว่าบ้านเราอย่างสิ้นเชิง อยู่ดีๆวันดีคืนดีต้องมาทำหน้าที่ดูแลประชาชนที่ว่ากันว่าค่อนข้างจะล้าหลัง แต่พระองค์กลับทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พระองค์ทรงมองเห็นผู้คนที่ถูกทอดทิ้งผจญชีวิตกันอย่างยากลำบาก ที่เรียกกันว่าแทบจะมองหาความสมบูรณ์พร้อมไม่ได้เลย ยากจน ล้าหลัง ใช้ชีวิตแบบอยู่ไปวันๆอย่างไม่อีนังขังขอบ และเมื่อพระองค์ต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้นำของคนเหล่านี้ มันเหมือนเป็นการ เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือคนที่ใช้ชีวิตในต่างแดนตั้งแต่เล็กกลับต้องมาแบกหน้าที่ที่เป็นความหวังของคนไทยทั้งชาติ
ไม่มีอะไรที่ข้าราชการหรือนักการเมืองจะสามารถทำหน้าที่ของการปกครองอย่างสมบูรณ์แบบ บ้างก็อาศัยกระบอกปืนมาเป็นอำนาจ บ้างก็อาศัยความไม่เข้าใจของผู้คนถูกเลือกเข้ามาเป็นผู้ปกครองประเทศบ้านเมืองจึงวนเวียนอยู่กับคำว่า ประชาธิปไตยกับเผด็จการ แล้วก็ลองมองย้อนไปดูว่าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายประชาธิปไตยก็ดีฝ่ายเผด็จการก็ดีมีช่วงไหนบ้าง มียุคไหนบ้างที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นมาได้ สุดท้ายประชาชนก็ยังวนเวียนอยู่ในที่เดิมแตกแยกไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน วนเวียนซ้ำซากอยู่ในวังวนเดิมๆ แต่กลับมีคนผู้หนึ่งซึ่งแทบจะเรียกว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับวิถีชีวิตของคนไทยมากนัก ทุกอย่างต้องมาเรียนรู้เมื่อมาอยู่เมืองไทย จึงต้องดำเนินไปทุกที่ทุกทางเพื่อเรียนรู้ชีวิตการเป็นอยู่ของผู้คน แล้วสุดท้ายทุกย่างก้าวที่พระองค์ทรงดำเนินไปในทุกที่ก็ได้มีโครงการมากมายเกิดขึ้น โครงการต่างๆเหล่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของประเทศ
ในฐานะประเทศเกษตรกรรมสิ่งที่สำคัญที่สุดคือแหล่งน้ำแล้วเราก็ได้เขื่อนเก็บน้ำ ตลอดจนถึงอ่างเก็บน้ำเกิดขึ้นมามากมายหลายที่ บ้างก็เป็นเขื่อนพลังไฟฟ้าที่มาจากพลังน้ำ แล้วก็ถูกผู้คนเรียกกันว่า นั่นคือโครงการในพระราชดำริที่เกิดจากพระราชดำริของพระองค์ นอกจากนั้นก็ยังมีโครงการต่างๆที่อยู่ในป่าในดอยมาเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนให้สามารถมีอาชีพยั่งยืนอยู่กับที่ เปลี่ยนจากทำไร่เลื่อนลอยแล้วทำลายธรรมชาติไปเรื่อยๆหันมาอยู่ติดกับถิ่นฐานจนกลายเป็นสามารถทำมาหากินอยู่ในถิ่น ไม่จำเป็นต้องเร่ร่อนอีกต่อไป นี่คือการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่พระองค์ทรงใช้ความยากลำบากที่เข้าไปศึกษาทุกอย่างแลกมา ทุกย่างก้าวที่ดำเนินไปในทุกตารางนิ้วของประเทศนี้ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยากจะมีผู้นำของประเทศนี้คนไหนทำได้
และนั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่จริงๆเป็นสิ่งที่คนคนหนึ่งได้ทำทุกอย่างเพื่อประเทศนี้ แต่จะมีประชาชนสักกี่คนที่รู้จริงว่าพระองค์ได้ทำอะไรเพื่อประเทศนี้บ้าง ทุกคนจะรู้แค่ว่า พระองค์รักราษฎรเหมือนลูกหลาน พระองค์เสด็จไปเยี่ยมราษฎรทุกที่ แต่ก็มีคนน้อยคนที่เข้าใจในสิ่งที่พระองค์ทำ แม้แต่โครงการอย่างเช่นที่เรียกว่าไร่นาสวนผสมก็คือการเปลี่ยนแปลงวิถีชาวนาจากการทำนาอย่างเดียว มาสู่ความพร้อมในการมีชีวิตที่มีงานทำทั้งปีมีรายได้ทั้งปี แล้วเราก็บอกว่านี่คือวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แล้วก็ตีความกันไปต่างๆนานาแม้กระทั่งได้เอาไปสอนเด็ก อยู่ในหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง แต่ถามว่ามีเด็กสักกี่คนที่รู้ในรายละเอียดในสิ่งที่พระองค์ทรงทำนี่เองที่ผมมองว่าเมื่อยังตีความไม่ชัดเจน เด็กรุ่นหลังจึงไม่รู้ว่าสิ่งที่พระองค์ทำไปนั้นมันมีอะไรบ้าง แล้วเลือกที่จะเชื่อกระแสโซเชียลที่ปั่นกันแต่เรื่องโกหกจอมปลอม
จนทำให้เด็กที่ไม่รู้อีโนอีเหน่ออกมาต่อต้านไปจนถึงสถาบัน ถ้ามีวิชาประวัติศาสตร์ให้เด็กได้เรียนรู้ แล้วก็ได้บันทึกถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้กับแผ่นดินนี้ สื่อกระแสโซเชียลที่ชั่วร้ายก็คงไม่สามารถทำหน้าที่ได้ จะสรรอะไรมาโกหก ในเมื่อสิ่งที่เป็นผลงานได้ปรากฏอยู่ในแผ่นดินนี้เต็มไปหมด เด็กจะต้องรู้ว่า เขื่อนเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร อ่างเก็บน้ำเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร โครงการหลวงต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ไม่ใช่รับรู้กันแต่ว่าเขื่อนพวกนี้คือเขื่อนเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำพวกนี้คือสถานที่ท่องเที่ยว โครงการหลวงต่างๆคือร้านขายขายสินค้าคุณภาพดีหน่อย นั่นคือสิ่งที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกเอาไว้เพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้เรียนรู้ และนี่คือสิ่งที่ประเทศนี้จำเป็นต้องมีวิชาประวัติศาสตร์จริงๆ
13 ตุลาคม 2566
วิทิต ลาวัณย์เสถียร
ถวายความเคารพให้กับพระเมตตากรุณาธิคุณที่มอบให้กับประชาชนของประเทศนี้