ทุกภาคส่วนในจังหวัดสกลนคร ร่วมถวายราชสักการะ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องใน “วันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2567”ผู้ว่าราชการจังหวัดนำทีม
ทุกภาคส่วนถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 ที่สกลนคร
วันที่18 มี.ค.ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 จังหวัดสกลนคร ทุกภาคส่วน ร่วมถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องใน “วันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2567” คนมีนายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย หน่วยงานตำรวจภูธร หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน ร่วมพิธี โดยได้มีพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สด ถวายราชสักการะ กล่าวคำถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหา กรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีต่อการปกครองส่วนท้องถิ่นไทย ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะตำบลท่าฉลอม ขึ้นเป็นสุขาภิบาลท่าฉลอม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2448 ถือเป็นปฐมบทแห่งการปกครองท้องถิ่นไทย และเป็นรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น โดยเป็นแนวทางการพัฒนาท้องถิ่นในเวลาต่อมา
นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร อ่านสารของ นายอนุทิน ชาญวีระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2567 ซึ่งได้มอบแนวทางไว้ว่ากว่า 100 ปีที่ผ่านมา โลกและประเทศไทย ได้เปลี่ยนแปลงไปมากในหลายมิติ การบริหารจัดการภาครัฐ ในปี พ.ศ.2567 นี้ ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความ “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” เข้าใจความเป็นไปของโลก เข้าใจความต้องการของพี่น้องประชาชนในปัจจุบัน และทำงานเชิงรุก ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและแนวคิดสมัยใหม่ เข้ากับการบริการ และการบริหารงานเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน และเนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เชิญชวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ตลอดปี 2567 และน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” มาเป็นแสงนำใจในการมุ่งมั่น ขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้ประชาชนเกิดความอุดมสมบูรณ์พูนสุข อย่างยั่งยืน”