ร.ต.อ.คอตก ลั่น!! ขอโทษผู้บังคับบัญชา ทำองค์กรตำรวจเสียหาย อ้างถูกหลอกให้มาก่อเหตุ-มีปัญหาด้านการเงิน
จากกรณีการจับกุม ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง หรือผู้กองยา อดีต รอง.สว.สส.สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังถูกออกหมายจับ ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป , โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นโดยประการใดๆ หรือรับของโจร“ โดยผู้ต้องหา 10 คน ซึ่งถูกตำรวจ สภ.บางละมุง จับกุมได้ก่อนหน้านี้และให้การซัดทอดว่า ร.ต.อ. รายนี้ เป็นคนสั่งให้เข้าไปลักเครื่องจักรขนาดใหญ่ หม้อแปลงไฟฟ้า รถบดถนน มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ภายในโรงงานรับซื้อของเก่าบริษัท เปเปอร์มิ้นท์ หมู่1 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สร้างความเสื่อมเสียให้วงการตำรวจอย่างมาก ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น
ต่อมาช่วงเวลา 07.30 น. ( 15 ต.ค.67 ) ที่ห้องสืบสวน สภ.บางละมุง พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป. ( รรท.ผกก.สภ.บางละมุง ) , พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง.ผกก.สส.สภ.บางละมุง ได้ร่วมกันสอบปากคำร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง หรือผู้กองยา อายุ 47 ปี อดีต รอง.สว.สส.สภ.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังจากคุมตัวมาจากจังหวัดอุดรธานี มาทำการสอบปากคำนานร่วม 2 ชั่วโมง ในเบื้องต้น ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง ให้การภาคเสธ ลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ โดยอ้างว่า ตนเองทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ นายต้น ซึ่งอ้างว่าเป็นหลานเจ้าของโรงงานที่เกิดเหตุ ได้ติดต่อมา ให้มารับซื้อของเก่า ประเภทหม้อแปลงไฟฟ้า จึงพาทีมงานมายกหม้อแปลงลง แล้วชำแหละแยกชิ้นส่วน จากนั้นนำลวดทองแดงไปขาย ได้เงินมาทั้งหมด 50,000 บาท ก่อนจะนำเงินไปแบ่งให้กับทีมงาน ส่วนที่เหลือ นำไปให้ภรรยา ( อ้างว่าเป็นภรรยาน้อย ) โดยเหลือเงินมาถึงตนเองเพียง 4,000-5,000 บาทเท่านั้น ส่วนทรัพย์สินอื่นๆภายในโรงงาน ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังยอมรับว่า ตนเองมีปัญหาด้านการเงิน
ต่อมา นายนเรศ จึงรุ่งเรืองพงษ์ เจ้าของโรงงานรับซื้อของเก่าที่เกิดเหตุ ได้เดินทางมาพูดคุยกับ ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง ผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยทั้งคู่มีการเผชิญหน้ากัน และ พูดคุยกันนานกว่าครึ่งชั่วโมง โดยฝ่าย ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง ได้ยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมทั้งเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งหมด
พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง.ผกก.สส.สภ.บางละมุง เปิดเผยว่า จากแนวทางการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทัังหมด พบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 11 คน ถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม และ แบ่งหน้าที่ในการลงมือก่อเหตุลักทรัพย์ในครั้งนี้ ซึ่งแต่ละกลุ่มไม่รู้จักกันมาก่อน โดยได้รับคำสั่งจากตัวการใหญ่ ซึ่งคือ “ผู้กองยา” ในเบื้องต้น ตำรวจสามารถรวบรวมพยานและหลักฐานจนเกือบครบถ้วนสมบูรณ์ และสามารถเอาผิดดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ส่วนตัวผู้กองยา จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าค่อนข้างมีความจะเชี่ยวชาญและมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรโรงงาน หม้อแปลงไฟฟ้า และ ชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องจักรต่างๆ เป็นอย่างดี เนื่องจาก ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะรับราชการในพื้นที่อุตสาหกรรม ใน จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ทั้งในพื้นที่ สภ.ดอนหัวฬ่อ ชลบุรี , สภ.นิคมพัฒนา ระยอง , สภ.หนองขาม ชลบุรี , ก่อนจะถูกย้ายมาดำรงตำแหน่งรองสารวัตรสืบสวน สภ.นาจอมเทียน ก่อนจะมาวางแผนก่อเหตุลักทรัพย์ โรงงานรับซื้อของเก่าและรีไซเคิล ในพื้นที่ สภ.บางละมุง ดังกล่าว
ต่อมาเวลา 10.00 น. ( 15 ต.ค.67 ) พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป. ( รรท.ผกก.สภ.บางละมุง ) , พ.ต.ท.กรณ์พงษ์ สุขวิสิฏฐ์ รอง.ผกก.สส.พร้อม พนักงานสอบสวน และ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 20 นาย คุมตัว ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง หรือผู้กองยา ไปทำแผนประกอบคำสารภาพ บริเวณด้านหลังโรงงานที่เกิดเหตุ โดยมีการพาไปชี้จุด เสาไฟฟ้าแรงสูง ที่มีการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส ขนาด 250 กิโลโวลต์ และจุดที่มีการชำแหละ และ ปลอกลวดทองแดง เพื่อนำไปขาย โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะควบคุมตัวกลับมายัง สภ.บางละมุง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และคัดค้านการประกันตัวในชั้นจับกุม แล้วนำตัวส่งศาลจังหวัดพัทยาทันที
ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุย กับ ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง หรือผู้กองยา โดยเจ้าตัว กล่าวว่า อยากขอโทษผู้บังคับบัญชา ขอโทษสังคมในสิ่งที่ทำลงไป จนทำให้องค์กรตำรวจเสียหาย ซึ่งตนเองก็ยอมรับผิด อีกทั้งตนเอง ถูกนายต้น ที่อ้างตัวเป็นหลานเจ้าของโรงงาน หลอกให้มาก่อเหตุ และ ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือทำกระทำความผิด ยอมรับว่าเครียด ไม่คิดว่าตัวเองจะมาตกเป็นผู้ต้องหาเสียเอง…..