ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายแก๊งขนโรฮิงญา ตายคาตู้ทึบ พบเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท ขนจากจังหวัดตราดไปหาดใหญ่เตรียมเข้าประเทศที่3ระหว่างทางหายใจไม่ออกตาย3คนแล้วปล่อยข้างวัดที่อำเภอหลังสวน(มีคลิป)
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายแก๊งขนโรฮิงญา ตายคาตู้ทึบ พบเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาท ขนจากจังหวัดตราดไปหาดใหญ่เตรียมเข้าประเทศที่3
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้
การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.อลงกต คชแก้ว รรท.ผกก.5 บก.ปคม., พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง รอง ผกก.5 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ปริญญา รักษาแก้ว, พ.ต.ท.นพพล ปุยะติ สว.กก.5 บก.ปคม., ร.ต.อ.เศรษฐบดินทร์ ลือชา, ร.ต.อ.นิติธร ภัทรเจนบรรจบ, ร.ต.อ.นรวิชญ์ ฤทธิผล รอง สว.กก.5 บก.ปคม., ร.ต.ต.ขวัญชัย อยู่เป็นสุข, ร.ต.ต.สมพร จำปาทอง, ร.ต.ต.ธนกร ศรีนุ่น รอง สว.(ป) กก.5 บก.ปคม., ด.ต.วัชรินทร์ ผุดมี, ด.ต.พลภัทร สุขเจริญ, ด.ต.อดิศร โชติรังสฤษฏ์, จ.ส.ต.ชัยสิทธิ จงรักษ์, จ.ส.ต.สิทธิชัย แสงสิน, จ.ส.ต.ฐิตินันทน์ บุญญรัตน์, ส.ต.อ.สรนันท์ สุขสม ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม
1.นายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ อายุ 30 ปี หมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 222/2567 ลงวันที่ 30 ต.ค.67
2.นายณัฐวุฒิฯ หรือนัท อายุ 20 ปี หมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 221/2567 ลงวันที่ 30 ต.ค.67
3.นายพงษ์พิศณุฯ หรือไอซ์ อายุ 20 ปี หมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 220/2567 ลงวันที่ 30 ต.ค.67
ฐานความผิด “ร่วมกันให้ที่พัก อาศัย ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร
โดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นการจับกุม” สถานที่จับกุม -พื้นที่ ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี -ปั๊มน้ำมัน ปตท. แห่งหนึ่ง แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. -หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขตลาดกระบัง กทม. พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจาก มีเหตุรับแจ้งพบกลุ่มคนต่างด้าว (โรฮิงญา) ถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ จำนวน 26 คน และในจำนวนนั้น มีผู้เสียชีวิต 3 คน เหตุเกิดพื้นที่ ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชะอำ สามารถสกัดจับรถต้องสงสัย ได้ที่บริเวณถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้า กทม.
เขต อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมควบคุมตัวผู้ก่อเหตุดังกล่าว จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย 1.นายเสกสรรฯ อายุ 21 ปี
2.นายพิทักษ์ฯ อายุ 30 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหากระทำผิดฐาน “กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” และ “ร่วมกันให้ที่พักอาศัย ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นการจับกุม”
จากนั้น ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปคม. ได้ทำการขยายผลโดยสอบสวนกลุ่มชาวพม่า (โรฮิงญา) ดังกล่าว ได้ข้อมูลว่าพวกตนเองจะเดินทางไปที่จุดพักคอย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อรอเดินทางต่อไปประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ขับรถยนต์กระบะแบบต่อเติมด้านท้ายเป็นตู้ทึบ ออกจาก กทม. โดยขณะเดินทางเนื่องจากภายในตู้มีลักษณะแคบ ไม่มีรูระบายอากาศ และจำนวนคนที่อัดแน่นมามีจำนวนมาก ทำให้มีอากาศหายใจไม่เพียงพอ มีบางคนหมดสติ พวกตนจึงทุบตู้รถบรรทุกเพื่อให้คนขับจอดรถ คนขับรถจึงมีอาการโมโหที่พวกตนทุบตู้บรรทุก จึงจอดรถและลากพวกตนบางส่วนลงจากรถ ทำร้ายร่างกาย ทุบตีกระทืบพวกตน เมื่อคนขับเห็นว่าพวกตนบางส่วนมีผู้เสียชีวิต จึงไล่ให้พวกตนทั้งหมดลงจากรถ ปล่อยทิ้งไว้ที่บริเวณที่เกิดเหตุ และพากันขับรถหนีไป
ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปคม. จึงได้สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เพิ่มเติม ทราบว่าการลักลอบขนคนต่างด้าวชาวพม่า(โรฮิงญา) ดังกล่าวนี้ ผู้ต้องหารับงานต่อมาจาก “บังกอล์ฟ” ทำกันเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งชุดล่วงหน้า
เพื่อตรวจสอบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเส้นทางขนคน การเช่าที่พักให้กับคนต่างด้าวเป็นจุดพักคอยเพื่อหลบเลี่ยง
การตรวจจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รับคนพม่า (โรฮิงญา) จากบ้านพักย่านร่มเกล้า เขตลาดกระบัง ไปส่งยังที่ต่างๆ ตามที่
“บังกอล์ฟ” สั่งการ ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมข้อมูลขยายผล สามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติมจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ, 2.นายณัฐวุฒิฯ ,3.นายพงษ์พิศณุฯ
เฉพาะในส่วนของ นายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ให้ข้อมูลว่า เป็นผู้ต้องหาระดับสั่งการ โดยเป็นผู้รับงานขนคนต่างด้าวมาจากนายทุน แล้วกระจายงานให้กับผู้ร่วมขบวนการคนอื่น ลักลอบขนคนต่างด้าวไปส่งตามภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย จนเกิดเหตุสลดขึ้นในพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
และเมื่อนายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ ทราบว่าลูกทีมที่ร่วมขบวนการถูกตำรวจสอบสวนกลางจับกุมได้ในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ตัวนายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ จึงได้หลบหนีจากบ้านพัก ในซอยร่มเกล้า 25 เขตลาดกระบัง จ.กรุงเทพฯ
ไปกบดานอยู่ในพื้นที่ ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ มีพื้นที่แนวเขตติด5จังหวัด ซึ่งยากในการติดตามตัว แต่ทางชุดสืบสวน กก.5 บก.ปคม. ไม่ลดละ ได้ทำการติดตามสืบสวนจนพบที่เพิงพักกลบดานกลางสวนทุเรียน เบื้องต้นนายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ รับสารภาพว่าตนเองรับงานขนคนต่างด้าวชาวพม่าได้ค่าดำเนินการหัวละกว่า 3,000 บาท และจ้างรุ่นน้องที่เคยขับรถตู้ทึบด้วยกัน วันละ 500-1,000 บาท เพื่อช่วยเหลือในการหาโรงแรมรายวันเพื่อจัดเตรียมที่พักให้กลุ่มคนต่างด้าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงควบคุมนายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ และทีมงานร่วมขบวนการขนคน อีก 2 คน คือนายณัฐวุฒิฯ, นายพงษ์พิศณุฯ ซึ่งถูกทีมสืบสวน กก.5 บก.ปคม. ตามรวบตัวได้ในเขตพื้นที่ กทม. นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
เบื้องต้นก่อนหน้าที่จะติดตามตัวบงการได้ตำรวจสันนิษฐานว่า ชาวโรฮิงญาทั้ง 11 คน ถูกขบวนการค้ามนุษย์ลักลอบลำเลียงด้วยรถห้องเย็นผ่านพื้นที่ จ.ชุมพร แต่เมื่อพบชาวโรฮิงญาเสียชีวิต และอยู่ในอาการสาหัส จึงเลือกจุดใกล้วัดเป็นสถานที่ทิ้ง
สอดคล้องกับการพูดคุยผ่านล่าม ที่บอกว่า ชาวโรฮิงญา ทั้งหมดเดินทางมาจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา โดยใช้เวลาเดินทางนานกว่า 10 วัน ก่อนมาขึ้นรถที่ จ.ตราด เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา โดยมีจุดปลายทางที่ประเทศมาเลเซีย
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้
การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.อลงกต คชแก้ว รรท.ผกก.5 บก.ปคม., พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง รอง ผกก.5 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ปริญญา รักษาแก้ว, พ.ต.ท.นพพล ปุยะติ สว.กก.5 บก.ปคม., ร.ต.อ.เศรษฐบดินทร์ ลือชา, ร.ต.อ.นิติธร ภัทรเจนบรรจบ, ร.ต.อ.นรวิชญ์ ฤทธิผล รอง สว.กก.5 บก.ปคม., ร.ต.ต.ขวัญชัย อยู่เป็นสุข, ร.ต.ต.สมพร จำปาทอง, ร.ต.ต.ธนกร ศรีนุ่น รอง สว.(ป) กก.5 บก.ปคม., ด.ต.วัชรินทร์ ผุดมี, ด.ต.พลภัทร สุขเจริญ, ด.ต.อดิศร โชติรังสฤษฏ์, จ.ส.ต.ชัยสิทธิ จงรักษ์, จ.ส.ต.สิทธิชัย แสงสิน, จ.ส.ต.ฐิตินันทน์ บุญญรัตน์, ส.ต.อ.สรนันท์ สุขสม ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม
1.นายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ อายุ 30 ปี หมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 222/2567 ลงวันที่ 30 ต.ค.67
2.นายณัฐวุฒิฯ หรือนัท อายุ 20 ปี หมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 221/2567 ลงวันที่ 30 ต.ค.67
3.นายพงษ์พิศณุฯ หรือไอซ์ อายุ 20 ปี หมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 220/2567 ลงวันที่ 30 ต.ค.67
ฐานความผิด “ร่วมกันให้ที่พัก อาศัย ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร
โดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นการจับกุม” สถานที่จับกุม -พื้นที่ ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี -ปั๊มน้ำมัน ปตท. แห่งหนึ่ง แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. -หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขตลาดกระบัง กทม. พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจาก มีเหตุรับแจ้งพบกลุ่มคนต่างด้าว (โรฮิงญา) ถูกนำมาปล่อยทิ้งไว้ จำนวน 26 คน และในจำนวนนั้น มีผู้เสียชีวิต 3 คน เหตุเกิดพื้นที่ ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชะอำ สามารถสกัดจับรถต้องสงสัย ได้ที่บริเวณถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้า กทม.
เขต อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมควบคุมตัวผู้ก่อเหตุดังกล่าว จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย 1.นายเสกสรรฯ อายุ 21 ปี
2.นายพิทักษ์ฯ อายุ 30 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหากระทำผิดฐาน “กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” และ “ร่วมกันให้ที่พักอาศัย ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นการจับกุม”
จากนั้น ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปคม. ได้ทำการขยายผลโดยสอบสวนกลุ่มชาวพม่า (โรฮิงญา) ดังกล่าว ได้ข้อมูลว่าพวกตนเองจะเดินทางไปที่จุดพักคอย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อรอเดินทางต่อไปประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ขับรถยนต์กระบะแบบต่อเติมด้านท้ายเป็นตู้ทึบ ออกจาก กทม. โดยขณะเดินทางเนื่องจากภายในตู้มีลักษณะแคบ ไม่มีรูระบายอากาศ และจำนวนคนที่อัดแน่นมามีจำนวนมาก ทำให้มีอากาศหายใจไม่เพียงพอ มีบางคนหมดสติ พวกตนจึงทุบตู้รถบรรทุกเพื่อให้คนขับจอดรถ คนขับรถจึงมีอาการโมโหที่พวกตนทุบตู้บรรทุก จึงจอดรถและลากพวกตนบางส่วนลงจากรถ ทำร้ายร่างกาย ทุบตีกระทืบพวกตน เมื่อคนขับเห็นว่าพวกตนบางส่วนมีผู้เสียชีวิต จึงไล่ให้พวกตนทั้งหมดลงจากรถ ปล่อยทิ้งไว้ที่บริเวณที่เกิดเหตุ และพากันขับรถหนีไป
ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปคม. จึงได้สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เพิ่มเติม ทราบว่าการลักลอบขนคนต่างด้าวชาวพม่า(โรฮิงญา) ดังกล่าวนี้ ผู้ต้องหารับงานต่อมาจาก “บังกอล์ฟ” ทำกันเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งชุดล่วงหน้า
เพื่อตรวจสอบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเส้นทางขนคน การเช่าที่พักให้กับคนต่างด้าวเป็นจุดพักคอยเพื่อหลบเลี่ยง
การตรวจจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รับคนพม่า (โรฮิงญา) จากบ้านพักย่านร่มเกล้า เขตลาดกระบัง ไปส่งยังที่ต่างๆ ตามที่
“บังกอล์ฟ” สั่งการ ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมข้อมูลขยายผล สามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติมจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ, 2.นายณัฐวุฒิฯ ,3.นายพงษ์พิศณุฯ
เฉพาะในส่วนของ นายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ให้ข้อมูลว่า เป็นผู้ต้องหาระดับสั่งการ โดยเป็นผู้รับงานขนคนต่างด้าวมาจากนายทุน แล้วกระจายงานให้กับผู้ร่วมขบวนการคนอื่น ลักลอบขนคนต่างด้าวไปส่งตามภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย จนเกิดเหตุสลดขึ้นในพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร
และเมื่อนายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ ทราบว่าลูกทีมที่ร่วมขบวนการถูกตำรวจสอบสวนกลางจับกุมได้ในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ตัวนายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ จึงได้หลบหนีจากบ้านพัก ในซอยร่มเกล้า 25 เขตลาดกระบัง จ.กรุงเทพฯ
ไปกบดานอยู่ในพื้นที่ ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ มีพื้นที่แนวเขตติด5จังหวัด ซึ่งยากในการติดตามตัว แต่ทางชุดสืบสวน กก.5 บก.ปคม. ไม่ลดละ ได้ทำการติดตามสืบสวนจนพบที่เพิงพักกลบดานกลางสวนทุเรียน เบื้องต้นนายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ รับสารภาพว่าตนเองรับงานขนคนต่างด้าวชาวพม่าได้ค่าดำเนินการหัวละกว่า 3,000 บาท และจ้างรุ่นน้องที่เคยขับรถตู้ทึบด้วยกัน วันละ 500-1,000 บาท เพื่อช่วยเหลือในการหาโรงแรมรายวันเพื่อจัดเตรียมที่พักให้กลุ่มคนต่างด้าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงควบคุมนายสมเกียรติฯ หรือบังกอล์ฟ และทีมงานร่วมขบวนการขนคน อีก 2 คน คือนายณัฐวุฒิฯ, นายพงษ์พิศณุฯ ซึ่งถูกทีมสืบสวน กก.5 บก.ปคม. ตามรวบตัวได้ในเขตพื้นที่ กทม. นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
เบื้องต้นก่อนหน้าที่จะติดตามตัวบงการได้ตำรวจสันนิษฐานว่า ชาวโรฮิงญาทั้ง 11 คน ถูกขบวนการค้ามนุษย์ลักลอบลำเลียงด้วยรถห้องเย็นผ่านพื้นที่ จ.ชุมพร แต่เมื่อพบชาวโรฮิงญาเสียชีวิต และอยู่ในอาการสาหัส จึงเลือกจุดใกล้วัดเป็นสถานที่ทิ้ง
สอดคล้องกับการพูดคุยผ่านล่าม ที่บอกว่า ชาวโรฮิงญา ทั้งหมดเดินทางมาจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา โดยใช้เวลาเดินทางนานกว่า 10 วัน ก่อนมาขึ้นรถที่ จ.ตราด เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา โดยมีจุดปลายทางที่ประเทศมาเลเซีย