ถึงวันนี้เริ่มเห็นความชอบและไม่ชอบ ความรักและไม่รัก ความไม่เสมอภาค ของตำรวจไทย ที่นี่ สภ.หนองปรือ ชลบุรี ริมขอบเขตติดต่อ สภ.เมืองพัทยา บางละมุง และ สภ.ห้วยใหญ่ สัญญาณอันตรายกับอาชีพสื่อฯ
หรือไม่ตาย ไม่เจ็บ ไม่เป็นอะไร ไม่สืบสาว ราวเรื่องให้ หรือคิดว่ามันโดนแค่
“เลือดหมู”เท่านั้น
เมื่อวันที่ 9 เดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมาบ้านนายปลาคล๊าฟ ที่คนในวงการสื่อพัทยาเขาเรียกกัน ได้ถูกคนร้ายเอาเลือดหมูปาเข้าไปในบ้าน ความเสียหายไม่มีอะไรนอกจากรถที่จอดอยู่เลอะเทอะเปลอะเปื้อน ไปด้วยเลือดหมู ที่ถูกขว้างปามาจากข้างนอก ภาพเห็นได้จากกล้องวงจรปิด คนร้ายสองคน ขี่จักรยานยนต์มาตอนกลางคืน
ใช่..มันไม่มีอะไรเสียหาย แต่มันเสียขวัญกำลังใจของคนเป็นสื่ออย่างพวกเรา ที่มันถูกเลือกปฎิบัติ อย่างเสมอภาค ของตำรวจ
สภ.หนองปรือ
ที่มีชุดสายสืบมือดีหลายคน แต่กลับไม่ทำงาน อย่างเช่นการไล่กล้อง ตรวจสอบ-สอบถามพยานที่อยู่ใกล้เคียง หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ล้วนมีให้เห็น แต่ทำไม่ไม่ทำ
หรือให้มองว่าคนที่ทำเป็นพวกเดียวกันกับตำรวจ นี่คือข้อสงสัยเท่านั้นเพราะบังเอิญเหลือเกินที่ นายปลาคล๊าฟเป็นสื่อชนิดเขียนไปเรื่อย จนชนตอ ในเพจของตัวเอง และเฟสบุ๊ก งานเลยเข้า
ความจริงจะไม่พูดอะไรเลยเพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เพราะความเป็นสื่อมวลชนที่อยู่กับอาชีพนี้มา 40 กว่าปีผ่านเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับสื่อเมืองพัทยามาหลายครั้ง
สื่อที่ถูกฆ่าตายจากฝีมือตำรวจก็หลายคน ไม่ว่าจะเป็น นายอุดม นายกำพล นายมานพ และนายสันติ 4 คนนี้ล้วนแต่ตายเพราะเขียนข่าว โจมตีตำรวจ ระบุชื่อได้ด้วยว่าใครทำ ถ้าไม่ถูกฟ้อง จะเขียนให้อ่านเป็นเรื่องเลย
เรายอมรับสื่อกับตำรวจทำงานควบคู่กัน มันขาดกันไม่ได้ ตำรวจซ่อนสื่อหาถ้าหาเจอเราอย่าว่ากัน ส่วนสื่อหาไม่เจอก็ไม่ว่าตำรวจ เช่นกัน
กรณีนายปลาคล๊าฟหาที่ตำรวจซ่อนเจอก็เลยเอามาเขียนลงเฟสตัวเอง สุดท้ายถูกลงโทษด้วยการเอาเลือดหมูมาปาใส่บ้าน ส่วนหาเจอเรื่องอะไรไม่บอกแล้วกัน
วันนี้นึกขึ้นมาได้ว่ามันผ่านมา1เดือนกว่าแล้วไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า เชื่อว่าเจ้าตัวก็กลัวไม่กล้าออกไปไหนมาไหน เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุแบบเดียวกันกับรุ่นพี่ๆที่ตายแล้วหาจับคนร้ายไม่ได้
เรื่องนี้ต้องฝาก พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขอความอนุเคราะห์สังการณ์ให้ตำรวจหนองปรือทำงานหน่อย เพราะไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ ซ้ำรอย
ครั้งนี้ขู่ครั้งหน้าอาจตาย
แดนบูรพา