ตั้งแต่ 2527 ผมเดิน(เดินจริงๆ) ไม่มีรถแม้แต่รถจักรยาน ตระเวนทำข่าว 2 โรงพัก สภ.ต.พัทยา และ สภ.อ.บางละมุง ชื่อในสมัยนั้น
ต่อมาเปลี่ยนเป็น สภ.เมืองพัทยา และสภ.บางละมุง ในยุค พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์เตมียาเวช เป็น ผบ.ตร.
ตอนเป็น สภ.อ.และ สภ.ต.โรงพักทั้ง 2 แห่งมีนักข่าว 2 คน ผม ที่เขาเรียกกันว่า สุทัศน์ พัทยา ไทยรัฐ อีกคน วิรัตน์ กิจสม (ติ๊ก) เดลินิวส์
ที่ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี มี พ.ต.อ.เสน่ห์ บริหารทั้งจังหวัด สถานีตำรวจ มียศ พ.ต.ท.เป็นหัวหน้าสถานีเรียกว่า สารวัตรใหญ่
ผู้บังคับการเขต 2 ยศ พล.ต.ต.คุม 8 จังหวัดภาคตะวันออก เริ่มที่ พล.ต.ต.ชำนาญ สุวรรณรักษ์ เป็นผู้การเขต2 ต่อมา พล.ต.ต.ราชศักดิ์ จันทรัตน์ เป็นผู้การเขต 2 และชลบุรีเปลี่ยนเป็น พ.ต.อ.เสรี เตมียเวช (ชื่อเดิม)เป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
พล.ต.ต.ราชศักดิ์ จันทรัตน์ นายพลฉายามือปราบยมทูต มี พ.ต.อ.ธรรมนิตย์ ปิตะนีละบุตร เป็นรองผู้บังคับการเขต2 และผู้การเขต2คนสุดท้ายคือ พล.ต.ต.ธรรมนิตย์ ปิจะนีละบุตร นั่นเองปัจจุบันเป็นกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2
ส่วน สภ.อ.บางละมุง พ.ต.ท.ดิเรก เป็นสารวัตรใหญ่ สภ.ต.พัทยา มี พ.ต.ท.อุดม ภาชนะ เป็น สวญ.
จากอดีตทำข่าวที่แสนจะยากเย็นแสนเข็นตำรวจนักข่าวอยู่ด้วยกันรักกันพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตลอดมาแต่ยืนยันว่า
ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ให้กัน บางครั้งกระทบกันบ้างเช่นมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตในโรงแรมหรือที่อื่นเขาจะไม่ขึ้นวิทยุหรือขึ้นก็ใช้คำที่ความหมายว่ามีคนเชียชีวิตหลายครั้งที่เราตกข่าวเพราะเขาใช้รหัสลับกัน ตอนนั้นไม่มีมูลนิธิไม่มีกู้ภัยตำรวจทำเองหมด
ดังนั้นตำรวจกับนักข่าวมันก็เหมือนเล่นซ่อนหา ตำรวจซ่อนนักข่าวหาเจอก็ไม่โกรธกัน นักข่าวหาไม่เจอเราก็ไม่ว่าตำรวจเช่นกัน ไม่อาฆาตแค้นกันอย่างมากก็ปรับยุทธวิธีใหม่นั่งคุยกัน เรียกว่า
“ไม่พาล” ไม่เกเร ไปเรื่อย อย่างมากก็แค่บ่น
”สุทัศน์ มีอะไรก็บอกกันนะ” เราได้แต่ยิ้มแต่คิดในใจ
“บอกทุกเรื่องก็ไม่มีข่าวสิ”
ไม่เหมือนสมัยนี้ ยุคข่าวโซเชี่ยล ยุคตำรวจเปิดหน้าชกๆทุกหมัดถ้าหน้าเปิด
ปัจจุบันไม่เหมือนปี 2527 ถึงได้แต่ขอเตือนว่าอย่าคิดประมาทโลกโซเชี่ยล เบรกหรือปิดสื่อหลักได้ แต่สื่อชาวบ้าน ไม่มีทางปิดได้
เตือนด้วยความหวังดี ในฐานะอยู่ในโลกนี้มานานกว่า 2 ศตวรรษ
ประเภทมือขวาเซ็น ปากสั่ง ซ้ายรับ มันน่าจะจบได้แล้ว