ภัยเงียบที่กำลังคืบคลานเข้ามาสู่วิถีชีวิตของผู้คน
ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงต่อสู้ดิ้นรนด้วยการแข่งขันกันเพื่อความอยู่รอด หรือไม่ก็แก่งแย่งชิงดีเพื่อหาประโยชน์แสวงอำนาจ เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการครอบครองอะไรมากกว่า เราจึงเห็นประเทศต่างๆแย่งชิงพื้นที่แย่งชิงทรัพยากรแย่งชิงแหล่งแร่ทางธรรมชาติที่สำคัญ แย่งชิงพลังงาน ตลอดจนถึงการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างไม่บันยะบันยัง ผู้คนใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างสุรุ่ยสุร่ายอะไรที่ต้องการก็แสวงหากันอย่าง ไม่รู้จักพอ ความเจริญที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินแลกมาด้วยการสูญเสียทรัพยากรทางธรรมชาติเกือบทุกอย่าง การขุดแร่ทุกชนิดรวมถึงก๊าซธรรมชาติ การแสวงหาแหล่งน้ำแล้วใช้อย่างฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย การผลิตอาหารโดยใช้ทรัพยากรด้านเกษตรจนเกินความจำเป็น ในขณะโลกของคนรวย กินอาหารกันอย่างเหลือเฟือโดยไม่เคยสนใจว่า อีกโลกหนึ่งคนยากจนเขาไม่มีอาหารจะกินด้วยซ้ำ นี่คือกิเลสที่เป็นจุดอ่อนสำคัญที่สุดของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตของมนุษย์ เริ่มมีการเบียดเบียนธรรมชาติมากขึ้น จึงมีปฏิกิริยาย้อนกลับจากธรรมชาติ สารพัดพิบัติภัยที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว พายุต่างๆที่รุนแรงมากขึ้นสภาพดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนถึงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง
สิ่งเหล่านี้ล้วนมีที่มาที่ไปมีสาเหตุอย่างมีนัยยะ ถ้าคนที่ไม่ใช้ความสังเกตแล้วใช้ชีวิตไปวันๆอาจจะไม่เคยเห็นความแตกต่างมากนักแค่รู้สึกว่าโลกร้อนขึ้น แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะรู้สึกถึงสภาพการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศตลอดจนถึงเวลาของฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ย้อนกลับไปสมัยผมเป็นเด็ก เดือนเมษายนคือเดือนที่ร้อนที่สุดจากนั้นก็จะค่อยๆเย็นลงฝนก็จะตกลงมาตามฤดูกาล เมื่อก่อนเดือนพฤษภาคมก็ถือว่าเป็นฤดูฝน สายฝนที่ตกลงมาก็จะมาตามฤดูกาล คนรุ่นก่อนจะเริ่มปลูกมันสำปะหลังในช่วงเดือนมีนาคมพอมีฝนหลงฤดูกาลมาสักครั้งสองครั้ง ผู้คนก็จะเริ่มปลูกมันสำปะหลังกัน พอถึงฤดูฝนตั้งแต่พฤษภาคมไปฝนก็จะตกมาเรื่อยๆ สม่ำเสมอ พอถึงช่วงระหว่างเดือนธันวาคมเดือนมกราคม ซึ่งเป็นหน้าแล้งมันสำปะหลังก็จะขุดได้ช่วงนั้นจะมีฝนหลงฤดูลงมาบ้าง เพื่อให้เกษตรกรขุดมันสำปะหลังกันได้ดินไม่แข็งจนเกินไป แต่ปัจจุบัน พฤษภาจนกระทั่งถึงมิถุนาอากาศก็ยังร้อนจัดแต่ถ้าสังเกตให้ดีๆมาจนกระทั่งถึงปีนี้ขนาดเดือนสิงหาอากาศยังร้อนและร้อนหนักมาก ตื่นเช้าไปออกกำลังกาย กลับกลายเป็นว่าเหงื่อออกมากกว่าปกติหลายเท่า นั่นหมายถึงอากาศที่อบอ้าวแล้วร้อนมากขึ้นจนน่าตกใจ เมื่อก่อนเดือนสิงหากันยาคือเดือนที่จะมีพายุมากที่สุดจะเป็นช่วงที่ฝนตกมากแล้วก็เป็นตัววัดว่าปีไหนจะมีน้ำท่วม แต่นี่เดือนสิงหาแล้วยังไม่มีฝนเลยน้ำในสระที่เคยเต็มตั้งแต่เดือนมิถุนาตอนนี้ยังมีไม่ถึงครึ่งสระมันบอกอะไรให้พวกเราที่เป็นกลุ่มเกษตรกรทั้งหลายต้องพึงระวังแล้วหรือไม่ว่าต่อไปปัญหาเรื่องน้ำจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดทุเรียนราคาดีคนทำสวนทุเรียนกันมากความต้องการแหล่งน้ำก็สูงขึ้นเรื่อย ถ้าไม่มีน้ำอีกหน่อยทุเรียนก็ไม่สามารถที่จะมีผลผลิตได้นี่คือสิ่งที่เกษตรกรต้องคิด
การที่เราใช้พลังงานกันอย่างไม่ระมัดระวังทั้งน้ำมันดิบทั้งก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนถึงน้ำบาดาลที่อยู่ใต้ชั้นหิน ถูกนำออกไปใช้อย่างมากมายโลกก็เริ่มโคลงเคลงมากขึ้น จึงได้เห็นแผ่นดินไหวเกิดขึ้นถี่ยิบ ได้เห็นสภาพของน้ำท่วมรุนแรงเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค ได้เห็นไฟป่าที่รุกรานผู้คนจนมีผู้คนเสียชีวิตกันไม่น้อย เรื่องเหล่านี้คือผลลัพธ์ที่เรารุกรานธรรมชาติ เมื่อเราทำลายป่าไม้ลงโลกก็ร้อนขึ้น เรื่องพวกนี้ล้วนมีที่มาที่ไปถ้าเคยไปเที่ยวทะเลทรายคุณจะเข้าใจคำตอบทำไมทะเลทรายจึงกลายเป็นทะเลทราย ก็เพราะทั้งปีทั้งชาติไม่เคยมีฝนตกเลยสักเม็ด นั่นก็เพราะแผ่นดินไม่มีความชุ่มชื้นที่จะระเหยเอาน้ำขึ้นไปอยู่ในชั้นบรรยากาศท้องฟ้าจึงใสตลอดทั้งปีทั้งชาติจึงไม่มีฝนตกลงมาตามฤดูกาล แผ่นดินที่เป็นทะเลทรายจึงค่อยๆขยายออกไปเรื่อยๆนี่คือเหตุที่บอกว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไป เมื่อก่อนผู้คนแก่งแย่งพื้นที่ในการครอบครองเกิดศึกที่จะแย่งชิงแผ่นดินกันจึงมีผู้คนล้มตายจำนวนมาก แต่ตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นผู้คนล้มตายลงเพราะโดนธรรมชาติลงโทษมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อยู่ที่การปรับตัวของมนุษยชาติว่าจะปรับตัวได้ดีแค่ไหน ถ้าทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ใช้ทรัพยากรให้น้อยลง แล้วก็ช่วยกันสร้างพื้นที่ธรรมชาติให้มากขึ้นเหมือนอย่างที่ประเทศจีนทำให้ทะเลทรายกลายเป็นแผ่นดินที่สามารถเพาะปลูกได้ อิสราเอลซึ่งเป็นทะเลทรายเหมือนกันสามารถทำเกษตรจนส่งออกได้ นี่ตอนนี้ชาติร่ำรวยอย่างเช่นซาอุ แล้วก็ชาติในกลุ่มอาหรับ กำลังเริ่มพัฒนาพื้นที่ทะเลทรายโดยการปลูกต้นไม้ เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ทะเลทรายให้กลายเป็นพื้นที่ปกติถ้าทะเลทรายมีแหล่งน้ำก็สามารถเพาะปลูกได้ ในขณะที่ถ้าเรารู้ว่า การทำลายป่าก็คือการทำให้โลกร้อน เราก็ควรช่วยปลูกต้นไม้ช่วยปลูกป่าให้เพิ่มขึ้นก็จะปรับสมดุลให้ดีขึ้น การใช้ชีวิตของผู้คนจึงจะสามารถปรับสมดุลจากธรรมชาติลงมาได้บ้าง ไม่ใช่เกิดอะไรขึ้นแล้วก็ปล่อยให้เกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันคือความไม่ถูกต้องอยากให้คนทุกคนรู้สึกได้ถึงหน้าที่ว่ามันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันใส่ใจ
นึกถึงคนรุ่นเก่าการสอนลูกหลาน มักเน้นที่การใช้ทรัพยากรให้พอเหมาะพอดี เราจะสอนลูกสอนหลานให้รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ โดยเฉพาะเรื่องอาหารนั้นจะถูกสอนไม่ให้กินทิ้งกินขว้างแต่คนรุ่นปัจจุบันเวลาสั่งอาหารจะสังเกตได้ว่า ส่วนใหญ่จะสั่งกระทั่งกินไม่หมดแล้วก็เหลือทิ้งมากมายเมื่อคนไม่เปลี่ยนพฤติกรรมเราก็ไม่พ้นถูกธรรมชาติลงโทษเป็นเรื่องปกติ บทความตอนนี้จึงเป็นบทความที่จะบอกกับทุกคนว่าเราสามารถให้ธรรมชาติกลับมาหาเราได้เหมือนกัน ถ้าเราทุกคนมีความรับผิดชอบร่วมกัน ขอให้ทุกท่านช่วยกันคนละไม้คนละมือ ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน มีเรื่องขำๆที่อยากเล่าต่ออีกนิดเห็นการดับไฟป่าของชาติมหาอำนาจใหญ่ที่อ้างว่าเจริญแล้วต้องให้มาศึกษาวิชาพวกนี้จากพรานป่าบ้านเรา บ้านเราถ้ามีไฟป่าลุกลาม เราจะต้องหาพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งที่มาทำเป็นทางไฟแล้วเริ่มจุดไฟเข้าไปหาทิศที่ไฟป่าลามมาแล้วกลายเป็นทางไฟธรรมชาติที่ใหญ่โตจากพื้นที่ที่เผาเข้าไปใหม่เมื่อบรรจบกันเท่ากับป่าหมดไม่มีที่ที่จะไปต่อได้ไฟก็ต้องมอดดับลงเป็นธรรมดา แต่นี่ดับกันมาเป็นหลายๆเดือนไม่มีปัญญาดับได้ บางครั้งไอ้ที่คุยว่าเจริญมันก็สู้ประสบการณ์ระดับชาวบ้านไม่ได้ ต้องเข้าใจให้ได้ว่ามีไฟที่ไหนมีลมที่นั่น ถ้าไม่สามารถทำให้พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งหมดเชื้อไฟมันก็จะลุกลามต่อไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุด เอาน้ำใส่เครื่องบินไปดับไฟมันแค่ชะลอให้เบาลงมาได้หน่อยเท่านั้นเห็นข่าวที่ออกมาบอกว่าไฟป่าลุกลามทีละเป็นหลายๆเดือนฟังแล้วก็รู้สึกแปลกดีนะยุคที่เรามีเครื่องจักรกลเป็นเครื่องไม้เครื่องมือควรแก้ปัญหากันได้ดีกว่านี้หรือเปล่า พอดีกว่าพูดมากไปจะกลายเป็นอวดรู้
แดน บูรพา
ขอขอบคุณเจ้าของภาพ