ร้อนร้อนร้อนมาก ต้องเลือกระหว่างชีวิตรอดกับความร้อนที่มันกำลังแผดเผาเราจนต้องเข้า รพ.มาแล้ว
ระหว่างค่าไฟฟ้ากับเอาชีวิตรอดเอาแบบไหน…?
พูดไปอาจจะไม่มีคนเข้าใจก็ได้ ระหว่างการดำรงชีวิต แต่ละวันมันช่างให้เราวิตกกังวล ตลอดเวลาในเรื่องรายได้ที่จะเข้ามาในธุรกิจเรา ที่มันนับวันจะถอยหลังจนจิตวิตกว่า “มันจะไหวมั๊ย” 10 เดือนที่ผ่านมาหมดไปกับการซ่อมบำรุงรักษารถบัสไปกว่า 1 ล้านบาท 1 ล้านบาทที่ยังไม่ได้คืนมาเลย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาไหน ทั้งปีใหม่ มาถึงเทศกาลสงกรานต์ ก็ยังติดลบอยู่แบบไม่น่าเชื่อ เพราะสถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจและความไม่คงที่กับราคา ที่ต่ำมากจนวิ่งแล้วไม่เหลือ ยางแตกเส้นเดียวก็ขาดทุนแล้ว เมื่อรถบัสไม่มีงาน ความเป็นอยู่ก็ต้องรัดเข็มขัด ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟฟ้าล้วนแต่เป็นรายจ่ายจำเป็นประจำเดือนทั้งสิ้น
ยิ่งค่าไฟฟ้าขึ้นมาเท่าทวีคูณและเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราต้องประหยัดมีอยู่วันหนึ่งเมื่อ2วันที่ผ่านมาพนักงานไฟฟ้าจะมาตัดไฟที่บ้านทรายมูลรวมยอด 5 พันกว่าบาท รับบิลแล้วบอกพนักงานว่าเดี๋ยวจ่ายเลย คำตอบบอกว่าสิ้นเดือนก็ได้เลยตัดสินใจจะจ่ายสิ้นเดือนพอ 30 เม.ย.มาเลยจะมายกมิเตอร์ ก็เลยบอกว่า “อ้าวคนจดมิเตอร์บอกสิ้นเดือนก็ได้” เจ้าหน้าที่คนเดิมบอกเขาไม่เกี่ยวเลย ในที่สุดเราต้องจ่าย เห็นค่าไฟแพงมากแต่จำเป็นต้องใช้ เพราะอากาศร้อนมาก
เราประหยัดดีมั๊ย อยู่ร้อน เปิดแอร์น้อยหน่อย ไปอาศัยใต้ล่มไม้ผ่อนคลายความร้อน ทั้งๆที่ 40 กว่าองศา ถามกับตัวเองว่า จะทนร้อนด้วยการประหยัดไฟฟ้า หรือเอาชีวิตไว้ เนื่องจากก่อนหน้าป่วยกะทันหันอยู่กับแดดเปรี้ยงเดินเข้าบ้านเจอพัดลมหนาวสั่นมากจนต้องไป รพ.สว่างแดนดินสกลนคร แพทย์บอก โรคลมร้อน หรือ Heatstroke มักพบในช่วงหน้าร้อน โดยเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถระบายความร้อนออกได้ทันที โดยโรคนี้เมื่อเกิดอาการควรได้รับการรักษาทันทีเนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก วันนั้นโชคดีที่ไปโรงพยาบาลทัน
ถึงวันนี้ต้องกลับมาคิดถ้าเปิดแอร์ทั้งวันจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าไฟฟ้า ถ้าปิดแอร์ชีวิตเราจะรอดมั๊ย ทั้ง 2 อย่างล้วนมีความจำเป็น ธุรกิจก็มืด บอด ยอดหนี้ก็สูง อาชีพสื่อก็ไม่พอเลี้ยงชีพพัทยาวันนี้ข่าวเยอะกระ “สื่อ” แยะ นอกจากทำตัวเป็นเตารีดเหมือนบางส่วนในปัจจุบันกินอิ่มนอนหลับสิ้นเดือนรับทรัพย์พวกนี้ระวังพุงแตกตาย ทั้งสถานบันเทิง ทั้งวัดวาอาราม ล้วนบ่อทรัพย์ ทั้งสิ้น