ทุกวันนี้โลกร้อนแผ่นดินไหวน้ำท่วมฝนแล้ง หมอกควันฝุ่นละออง มลภาวะทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้จักพอของมนุษย์ “ภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น คือ ภัยพิบัติที่มีสาเหตุมาจากมนุษย์ ได้แก่ – การสูบน้ำใต้ดินปริมาณมากจนส่งผลให้เกิดการทรุดตัวของพื้นดิน – การปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากจากโรงงานอุตสาหกรรมจนส่งผลให้ระดับ น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นและท่วมพื้นที่ในระดับต่ำ – การเปลี่ยนทางน้ำจนทำให้เกิดภัยแล้ง”
โลกในยามที่มนุษย์ไร้ซึ่งคุณธรรม จึงเกิดโศกนาฏกรรมเพราะผู้คนไม่เหลือซึ่งมนุษยธรรม
จะมีใครเคยได้ลองใคร่ครวญถึงโลกในยุคปัจจุบันไหมว่า ทำไมโลกทั้งโลกถึงได้ปั่นป่วนไปได้ทุกหย่อมหญ้าแล้วเลยเถิดไปจนถึงธรรมชาติก็ยังปั่นป่วนรุนแรงขึ้น ภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเกิดโดยธรรมชาติหรือจากน้ำมือมนุษย์ ล้วนทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นโดยมองไม่ออกว่าอนาคตมันจะมีโอกาสดีขึ้นได้อย่างไร แต่นับวันกลับยิ่งรุกลาม แล้วส่อให้เห็นว่าจะยิ่งทวีความรุนแรงเลวร้ายยิ่งขึ้นสถานการณ์ในยุคปัจจุบันจึงกลายเป็นว่าผู้คนเข่นฆ่ากันบนความเอารัดเอาเปรียบ ผู้คนรุกรานกันจนไม่รู้จักคำว่าละอาย ภัยพิบัติทางธรรมชาติก็เลยลงโทษอย่างรุนแรงกับมนุษย์เพิ่มขึ้น จนลำดับไม่ถูกว่าทำไมโลกจึงกลับตาลปัตรได้ถึงขนาดนี้ ทั้งหมดนี้จึงสมควรถึงเวลาที่เราจะมาหามูลเหตุที่แท้จริงในเรื่องต่างๆเหล่านี้ว่าต้นเหตุมันคืออะไร
ในฐานะคนที่ผ่านชีวิตมาหลายยุคหลายสมัย ได้มีโอกาสเห็นถึงความเสื่อมทรามเหล่านี้ว่ามันทวีความรุนแรงขึ้นมาจนกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดของที่สุด แล้วเกิดความรู้สึกว่ามันท่าจะบานปลายขึ้นไปเรื่อยๆถ้าเราไม่คิดว่าควรหาทางที่จะทำความเข้าใจแล้วยุติมัน หายนะที่จะต้องเกิดกับโลกนี้จะไม่มีวันลดราลงได้ แต่มันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นมากขึ้นจนถึงจุดที่สักวันหนึ่ง โลกจะกลายเป็นที่อยู่ของผู้คนที่ไร้สติเรียกว่าบ้ากันทั้งโลก แล้วกลายเป็นคนเสียสติกันหมดทั้งโลก อันจะนำไปสู่การทำลายล้างแบบชนิดที่เคยมีผู้คนกังวลใว้ว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์แล้วลามปามไปถึงการล้างโลก มันเป็นไปได้ทั้งสิ้นเพราะเมื่อผู้คนขาดสติไร้ซึ่งมโนธรรม มนุษยธรรมในจิตใจมันไม่เหลืออะไรที่บ่งชี้ว่ามนุษย์แตกต่างกว่าเดรัจฉานตรงไหน ตรงกันข้ามเมื่อผู้คนที่มีวิธีคิดที่แตกต่างกว่าสัตว์แล้วตกอยู่ในความละโมบจนกลายเป็นกิเลสที่ต่ำช้าและเป็นตัวนำที่จะให้เห็นได้ว่า นับวันความเลวของมนุษย์ยิ่งทวีความรุนแรงต่างจากสัตว์มากขึ้นมากขึ้นทุกที
มาถึงจุดนี้สิ่งที่ควรนำมาวิเคราะห์หรือคิดแล้วนำมาประกอบมันถึงเวลาที่ควรจะตั้งคำถามอย่างจริงจังแล้วหรือยังว่าทำไมทุกวันนี้โลกจึงเกิดภัยพิบัติที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียวแต่กลับมีภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ซึ่งดูมันทวีความเลวร้ายและรุนแรงกว่ากันมากขึ้นๆ ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นสองแรงบวกที่ส่งผลให้ได้เห็นถึงความเดือดร้อนที่ลุกลามไปทุกหย่อมหญ้าเหมือนที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน
สงครามที่เกิดขึ้นหลายที่บนโลกนี้ล้วนเกิดจากความต้องการของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ภัยพิบัติในรูปแบบของโรคระบาดก็ล้วนเกิดจากความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของมนุษย์เช่นกัน
แม้แต่การทำมาหากินก็แก่งแย่งชิงดีจนไม่เหลือมนุษยธรรมในจิตใจ ผู้คนสะกดเป็นแต่เพียงคำเดียวว่าอยากร่ำรวย แต่ไม่เคยคิดว่าความร่ำรวยนั้นมันมาจากความเดือดร้อนของผู้คนหรือเปล่า
ผู้คนไร้ซึ่งมโนธรรมจึงเกิดการคดโกงกันทุกที่ ไม่เคยมีคนรู้สึกว่าน่าละอายในสิ่งที่ทำ ความฉ้อฉลเกิดขึ้นได้ในทุกที่เพราะผู้คนไม่เหลือความซื่อสัตย์ เมื่อบวกกับความไร้ซึ่งมโนธรรมมันจึงเป็นอย่างที่เห็น
ผู้คนลืมกระทั่งว่าความโลภของผู้คนนั้น มันได้สร้างปัญหาให้กับธรรมชาติอย่างรุนแรงจากความไม่รู้จักพอ ในอีกด้านหนึ่งก็เรียกร้องให้ผู้คนยุติการรุกรานธรรมชาติ แต่เสียงเหล่านั้นไม่เคยมีความหมายเพราะผู้คนตกอยู่ในความละโมบที่ไม่มีวันสิ้นสุด
แม้แต่สัจธรรมข้อที่เห็นง่ายที่สุดก็คือ เมื่อถึงบั้นปลายของชีวิตทุกคนต่างรู้ว่าเอาอะไรไปไม่ได้ จำเป็นต้องจากโลกนี้ไปด้วยความว่างเปล่า แต่ก็ยังไม่วายโลภไม่รู้จักพอ บางคนแก่ใกล้ตายแล้วแต่ก็ยังวางไม่ลงทั้งเรื่องอำนาจและความร่ำรวย
แม้แต่จำอวดที่ทำมาหากินอยู่บนความสุขของผู้คนก็ยังลืมหน้าที่ของตัวเอง ว่านี่คืออาชีพเต้นกินรำกิน แล้วหากินได้เพราะผู้คนอุ้มชู แต่เพราะคำว่าไม่รู้จักพอจึงลามปามเลยเถิดไปจนถึงขั้นออกไปโต้แย้งทฤษฎีที่สอนให้คนรู้จักพอเพียงโดยลืมนึกไปว่านั่นแหละที่เป็นต้นเหตุให้ทุกวันนี้โลกมันเดือดร้อนกันขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ความโลภที่ไม่รู้จักพอมันคืออะไร
ยาเสพติดอาชญากรรมต่างๆ เภทภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงต้มตุ๋นหรือทำให้ผู้คนเดือดร้อนจนกลายเป็นโรคประสาทกันไปหมดในรูปแบบของ Call Center นั่นก็คือความชั่วร้ายที่เกิดจากความไม่มีมนุษยธรรมในจิตใจของมนุษย์
ผู้คนถูกมอมเมาในรูปแบบต่างๆก็ล้วนมาจากความโลภที่ไม่รู้จักพอทั้งด้านของอำนาจ ชื่อเสียงและลาภยศมันทำให้ผู้คนทำทุกอย่างได้โดยไม่รู้สึกละอาย สังเกตดูเถอะคนยิ่งมีอำนาจมากยิ่งวางมือไม่ลง และพวกนี้แหละที่เป็นต้นเหตุของการโกงระดับประเทศ
ที่ทำให้ผู้คนเดือดร้อนมากที่สุดก็ล้วนเกิดมาจากพวกที่มีอำนาจมากๆอยู่ในตำแหน่งสูงๆ คนพวกนี้มันโกงกันทีมากมายมหาศาล แล้วยังเชิดหน้าเชิดตาบอกว่ามันสุจริตอีกต่างหาก ก็หน้าด้านไร้ยางอายขนาดนั้นจะไปหวังว่ามันจะรู้สึกสำนึกได้สักวัน มันจะเป็นไปได้หรือ
ทุกวันนี้โลกร้อนแผ่นดินไหวน้ำท่วมฝนแล้ง หมอกควันฝุ่นละออง มลภาวะทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้จักพอของมนุษย์นั่นเอง จึงขอสรุปให้ฟังสั้นๆว่า ถ้าแม้แต่คนที่มอบคำสั่งสอนให้ผู้คนรู้จักที่จะอยู่อย่างไม่ละโมบโลภมากจนเกินไป กลับถูกคนที่ไม่รู้เรื่องราวเอามาลบหลู่ พวกคุณว่ามันน่าเศร้าไหม หยุดซะทีเถอะครับไอ้พวกมนุษย์ขี้เหม็นทั้งหลาย ความโสโครกจากการกินทุกอย่าง เมื่อต้องถ่ายออกมันก็เหม็นพออยู่แล้ว แล้วถ้าใจซึ่งสามารถชะล้างได้ด้วยความรู้สึกดีๆ เพื่อทำให้ดูว่ามนุษย์แตกต่างกว่าสัตว์อย่างไร เมื่อใจยังไม่สะอาดมันจึงไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าแม้แต่เรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจเอาอะไรมาบอกว่ามนุษย์ดีกว่าสัตว์ รู้ไหมว่าต้นเหตุที่มันดูแย่ๆหมดทั้งโลก ก็เกิดจากความไม่รู้จักพอ ไม่ยืนอยู่บนความถูกต้อง อยากมีอยากได้โดยไม่หลงเหลือมโนธรรม โลกจึงเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้
เครดิตภาพจากเฟส