สติและปัญญาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด ถ้าผู้คนไร้ซึ่งสติและปัญญาก็จะหลงกลกลายเป็นเหยื่อของคนอื่น “คำถามว่าถึงวันนี้ท่านบอกกับตัวเองได้หรือไม่ว่า ท่านคือคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างมีสติตื่นรู้และคิดเป็น”
ในอดีตคนเรียนน้อยแต่รู้มากยุคนี้คนเรียนมากกลับรู้น้อย
ในอดีตย้อนประวัติศาสตร์เก่าแก่ไปหลายพันปีมนุษย์ก่อศึกแย่งชิงผืนดินที่อุดมสมบูรณ์เพื่อพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อแย่งชิงแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่อยู่บริเวณปากแม่น้ำ หรือเป็นที่ดินที่เป็นที่ราบลุ่มเพื่อเพาะปลูกธัญญาหารเอาไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องแต่ยุคปัจจุบันก่อสงครามเพื่อสร้างอุปทานให้ผู้คนหวาดกลัว อาศัยข่าวสารที่แพร่รวดเร็วสร้างความตื่นกลัวด้วยการทำให้ผู้คนคิดว่า เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นในซีกโลกหนึ่ง จะทำให้เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ผู้คนแทนที่จะกังวลเรื่องจะไม่มีข้าวกิน ไม่มียารักษาโรคเหมือนผู้คนในยุคก่อน แต่คนยุคปัจจุบันกลับกังวลว่าจะไม่มีน้ำมันใช้กลัวว่าจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาปรนเปรอ ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับการอยู่รอดของชีวิตเลยแม้แต่น้อย ลองคิดถึงว่าวัตถุเช่นทองคำซึ่งใช้ประโยชน์แค่เป็นเครื่องประดับในร่างกาย แทบใช้ประโยชน์ไม่ได้เลยกับชีวิตกลับถูกปั่นให้ผู้คนแย่งชิงกันกักตุน จนกระทั่งทองคำก้อนละบาทถ้าทำเป็นก้อนกลมก็จะขนาดเท่ากับปลายนิ้วก้อยถูกปั่นราคาจนกลายเป็นมีมูลค่าเกินกว่า 40,000 บาท แต่ข้าวสารที่ใช้ดำรงชีวิตกลับมีมูลค่าแค่ถุงละ 100 บาท แล้วก็ลองนึกภาพดูว่าทองก้อนเท่าปลายนิ้วก้อยสามารถเอาไปแลกข้าวได้ 400 ถุง เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะผู้คนไร้สติไร้ปัญญาจะเกิดขึ้นได้หย่างไร
ย้อนไปในอดีตยุคก่อนสิ่งที่ผู้คนต้องจัดเตรียมเวลาที่เกิดสงครามก็คือต้องขุดหลุมหรือขุดอุโมงค์ เพื่อเอาไว้เป็นที่หลบภัย แล้วก็ใช้เพื่อกักตุนอาหารเอาความเย็นที่อยู่ใต้แผ่นดินช่วยถนอมอาหารไม่ให้เสียหาย นั่นคือสติปัญญาของคนรุ่นที่เราบอกว่าเขาเรียนน้อย แต่คนยุคนี้บอกว่าเป็นคนมีความรู้เรียนมามากกลับแย่งชิงกันสะสมวัตถุอย่างเช่นทองคำ เพราะมองว่าถ้าหาก เกิดสงครามขึ้นมีทองคำสามารถเอาไปแลกกับอะไรก็ได้อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเกิดภัยสงครามขึ้นมาจริงแล้วไม่สามารถทำการเกษตรได้ทองคำที่สะสมไว้สามารถกินแทนอาหารได้หรือเปล่า ก็ต้องถามคนที่อวดอ้างว่ารู้เยอะว่ามันใช่จริงอย่างที่คิดไหมเมื่อไหร่ก็ตามถ้าเกิดสงครามขึ้น ดูภาพที่เกิดขึ้นในคาซ่า ผู้คนอพยพหลบหนีหอบลูกจูงหลานหนีสุดชีวิต แม้แต่คนเจ็บป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลก็ยังไม่พ้นจากการถูกคร่าชีวิต ถึงตอนนั้นมีทองคำไว้ให้เขาปล้นชิงหรือ หรือว่าจะมีอาหารกับยารักษาโรคเก็บเอาไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า ก็ควรจะตั้งสติแล้วก็หัดคิดกันดูให้ดีๆ
แล้วไอ้ที่ผู้คนเฝ้าพรรณนากันแต่เรื่องของเศรษฐกิจ เรื่องการแข่งขันกันเพื่อ ทำตัวเลข GDP ให้สูงเข้าไว้ถามจริงๆเถอะว่ามันเพื่ออะไร ทุกวันนี้เมื่อเราไร้ปัญญาจึงต้องตกเป็นเครื่องมือให้เขาเอาสงครามมาปั่นราคา ทำให้พลังงานเป็นเรื่องที่น่ากลัว ที่เลวร้ายกว่าก็คืออ่านความคิดของผู้คนเหมือนจดอยู่บนกระดานเลคเชอร์ จึงกักตุนทองคำก่อนจะสร้างความวุ่นวายด้วยการก่อศึกสงครามได้ทั้งขายอาวุธแล้วก็ร่ำรวยเงินทองจากความตื่นกลัวของผู้คน ก็เพราะอ่านออกแบบเข้าใจง่ายว่าผู้คนจะต้องคิดกันแบบนั้น เมื่อไหร่เราจะมีคนที่เข้าใจหลักการใช้ชีวิตแบบที่พระพุทธองค์เคยตรัสรู้ใว้เมื่อ 2500 ปีก่อน แล้วนำมาสอนผู้คนว่า สิ่งที่อยู่นอกกายนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรเลย ตรงกันข้ามความจำเป็นของชีวิตก็คืออาหารและเครื่องนุ่งห่มจนถึงยารักษาโรค ปัจจัยเหล่านี้ที่พระองค์บอกว่ามันคือสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต แล้วก็สอนผู้คนว่าอย่าติดยึดกับกิเลส แต่ไม่ว่าจะสอนอย่างไรสุดท้ายผู้คนก็ยังจมอยู่กับความลุ่มหลง แล้วนี่เองที่เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าจริงๆแล้วสติและปัญญาจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด ถ้าผู้คนไร้ซึ่งสติและปัญญาก็จะหลงกลกลายเป็นเหยื่ออย่างที่เห็น ก็อยากจะตั้งคำถามว่าถึงวันนี้ท่านบอกกับตัวเองได้หรือไม่ว่า ท่านคือคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างมีสติตื่นรู้และคิดเป็น ถ้าตราบใด ยังตกอยู่ในสภาพ ถูกปั่นหัวและกลายเป็นเครื่องมือให้เขาชักจูงทางความคิด กลายเป็นเหยื่อ ก็คงไม่ถือว่าฉลาดสักเท่าไหร่หรอกจริงไหม แล้วก็ลองตั้งคำถามดูว่าทำไมบ้านเมืองของเราจึงเต็มไปด้วยคนโกง ก็เพราะว่าเราไม่มีวันสอนให้คนฉลาดเท่าทันคนโกงได้ไงเล่า ถ้ามีคนฉลาดพอคนคดโกงจะโกงได้หรือลองคิดดู
วิทิต ลาวัลย์เสถียร