น้ำท่วมและฝนแล้งกลายเป็นภาพที่เห็นได้ทุกวัน ที่น่ากังวลก็คือสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปรากฏการทางธรรมชาติ แต่กลายเป็นความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่ถูกผู้คนรุกราน ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน
ผู้นำที่ดีจะมองไปที่อนาคตของชาติ
จะมีใครตั้งข้อสังเกตหรือไม่เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ โดยเฉพาะสภาพดินฟ้าอากาศที่ปรวนแปรอยู่ในขณะนี้ ถ้าคนที่ติดตามเรื่องของข่าวสารแล้วรู้จักตั้งข้อสังเกต จะรับรู้ได้เลยว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปในรูปแบบของความไม่ปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุบัติภัยทางธรรมชาติ ทั้งพายุทอร์นาโด พายุไต้ฝุ่น อุทกภัยและภัยแล้ง ที่นับวันแต่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น น้ำท่วมและฝนแล้งกลายเป็นภาพที่เห็นได้ทุกวัน ที่น่ากังวลก็คือสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปรากฏการทางธรรมชาติ แต่กลายเป็นความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่ถูกผู้คนรุกราน ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันบางทีในบ้านเมืองเดียวกันอาจเจอภาวะคนละด้านในเวลาเดียวกัน ด้านหนึ่งเจอพายุด้านหนึ่งเจอภัยแล้ง เรื่องแบบนี้ถ้าไม่คิดว่ามันผิดธรรมชาติก็แปลกไปแล้ว ในอดีตเรื่องแบบนี้เราจะเห็นได้ในแต่ละซีกโลกซึ่งอยู่ห่างไกลกันคนละขั้ว แต่เดี๋ยวนี้มันเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ใกล้เคียงกันบางครั้งเกิดขึ้นในเมืองเดียวกันได้ด้วยจึงมองว่าเป็นเรื่องน่าแปลก
นับวันความอันตรายในการดำรงชีวิตสูงขึ้นอย่างมีนัยยะ ข่าวของเครื่องบิน ที่ประสบปัญหา ในการเผชิญกับดินฟ้าอากาศปรวนแปรกลายเป็นข่าวที่เกิดขึ้นเกือบทุกวัน เมื่อก่อนนี้บางครั้งปีนึงยังไม่เคยได้ยินสักครั้ง เรื่องที่เครื่องบินเจอสภาพที่เรียกว่าตกหลุมอากาศ ในอดีตผมเป็นคนที่เดินทางทางอากาศค่อนข้างบ่อยสิ่งที่เคยพบเจอก็แค่ เครื่องบินสั่นสะเทือนเล็กน้อยเมื่อเจอกับสภาพอากาศปรวนแปร แต่เดี๋ยวนี้ในแต่ละครั้งที่เป็นข่าวไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุในรูปแบบอย่างที่เมื่อก่อนเคยเป็น แต่มันรุนแรงกระทั่งผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บกันแทบทุกวัน เครื่องบินต้องลงฉุกเฉินโดยไม่สามารถเดินทางต่อได้เกิดขึ้นบ่อยจนผิดสังเกตทั้งหมดนี้เหมือนเป็นลางบอกเหตุว่า ธรรมชาติบนโลกใบนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ปกติอีกต่อไป สภาพเช่นนี้ถ้าทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันบ่งบอกให้รู้ว่าการเดินทางทางอากาศซึ่งเคยมองว่ามีความปลอดภัยสูงในอดีตกำลังเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม ถ้ามีข่าวแบบนี้บ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลองนึกภาพดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าความเชื่อมั่นของผู้คนในการเดินทางเปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถไว้วางใจในความปลอดภัยได้อีก จะกลายเป็นความน่ากลัวอย่างที่สุด การท่องเที่ยวบนโลกนี้จะกลายเป็นอัมพาต ผลกระทบทางเศรษฐกิจ จะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล แล้วจะส่งผลกับปัญหาต่างๆอีกเท่าไหร่ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจ
เมื่อเช้านี้ดูข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งของจีนเกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านเกษตร โดยนักวิจัยของจีนได้วิจัยเกี่ยวกับพันธุ์พืชที่สามารถพัฒนาให้ทนต่อภัยทางธรรมชาติ โดยเฉพาะภัยแล้งอย่างเช่นการเพาะพันธุ์ข้าวที่สามารถทนแล้งปลูกได้ในพื้นที่ที่มีน้ำน้อยที่สุดจนประสบความสำเร็จ กลายเป็นข้าวที่สามารถปลูกได้ในทะเลทรายและยังให้ผลผลิตสูงกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน นี่นับว่าเป็นเรื่องของวิสัยทัศน์อย่างแท้จริง เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่การมองอนาคตล่วงหน้าก็อาจจะละเลยและไม่สนใจ แต่ภาพที่สะท้อนออกมาถึงความเปลี่ยนแปลงตรงนี้แสดงให้เห็นว่าผู้นำของเขาใส่ใจเป็นอย่างยิ่งและมองไปข้างหน้าสู่อนาคตที่ควรจะเป็น ที่เอาเรื่องแบบนี้มาเขียนก็เพราะอยากสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศที่มุ่งทางการเกษตรอย่างประเทศไทย สมควรต้องพิจารณาเรื่องเหล่านี้บ้างแล้วหรือยัง ไม่ใช่มองหาแต่เรื่องของแหล่งน้ำเพราะถ้าธรรมชาติวิปริตอย่างที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ เรื่องแบบนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว เราควรใส่ใจที่จะทำงานวิจัยได้แล้วหรือยังว่าจะทำการเพาะปลูกอะไรที่เป็นพืชที่ทนแล้งทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศปรวนแปร อย่างที่ประเทศจีนเขาทำสำเร็จเขาบอกว่า เขาพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ไปปลูกอยู่ในทะเลทราย เป็นพันธุ์ข้าวที่ใช้น้ำน้อยและให้ผลผลิตสูงมาก ข่าวที่ออกมาบอกว่าผลผลิตต่อไร่สูงกว่าปกติประมาณ 3 เท่า เรื่องแบบนี้แหละที่ผู้มีหน้าที่กำหนดอนาคตของ ชาติควรทำ
ลองนึกเปรียบเทียบดูกับชาติที่เขาจะก้าวไปข้างหน้า ต้องเผชิญปัญหาที่คู่แข่งขันคอยกลั่นแกล้งรวมตัวกันบอยคอร์ด เขาจึงต้องมองการพึ่งพาตัวเอง แล้วตอนนี้สิ่งที่ประเทศจีนกำลังทำ ก็คือกำลังพัฒนาทางด้านพลังงานโดยไม่คิดจะพึ่งพาต่างชาติอีกเมืองจีนตอนนี้ใช้ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ที่หาได้ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าพลังลมพลังแสงอาทิตย์ แล้วก็ยังขุดเจาะหาน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทะเลทรายของตนเอง แบบชนิดที่เรียกว่าไม่หวังที่จะพึ่งพาใครอีก และนี่คือสิ่งหนึ่งที่ผู้นำที่ดีควรคิด ควรตระหนักได้ว่าในอนาคตข้างหน้านั้นไม่ควรยืมจมูกผู้อื่นหายใจ ทุกอย่างต้องดำรงอยู่ในฐานะพึ่งพาตนเอง ลองนึกภาพว่าอนาคตถ้าการส่งออกทำไม่ได้ หรือทำได้อย่างจำกัด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการพึ่งพาตนเอง จึงต้องมองปัญหาเหล่านี้อย่างใส่ใจแล้ววางแผนแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่รอจนไปไม่ไหวแล้วค่อยคิดได้ ชาติที่คิดจะไปข้างหน้าผู้นำของเขาต้องมีมุมมองที่แตกต่างและมีความรับผิดชอบสูงมากไม่ใช่ชาติที่มองแต่เรื่องเฉพาะหน้า แล้วมีแต่แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน อย่างที่เรากำลังเห็นกันอยู่ดาษดื่นในโลกใบนี้ ในขณะที่ชาติส่วนใหญ่ในโลกนี้มีแต่ผู้นำที่หลงประโยชน์ มองประโยชน์ทางการเมืองเป็นที่ตั้ง แม้กระทั่งเส้นทางทางการเมืองที่สกปรกและหวังเพียงชัยชนะ ในขณะที่ผู้นำอย่างประเทศจีน เขาถูกปลูกฝังและส่งมอบการปกครองโดยดูประชาชนเป็นหลักสำคัญ จุดนี้เองที่มองว่าในอนาคตความเป็นผู้นำโลกของจีนนั้นชัดเจนที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และนี่คือมุมที่แตกต่างที่คนส่วนใหญ่ยังมองไม่เห็นด้วยซ้ำ