สักครั้งถ้ามีโอกาสต้องไปกราบรูปปั้นหลวงปู่มั่นที่วัดป่าภูริทัตตถิวาสอำเภอพรรณานิคมสกลนคร ครั้งหนึ่งผมได้เดินทางไปกราบเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวพร้อมทั้งเจ้ากรรมนายเวร
ที่ตำบล นาใน อำเภอ พรรณานิคม สกลนคร ได้มีโอกาส ไปวัดป่าภูริทัตตถิราวาส แห่งนี้เพื่อที่จะได้กราบนมัสการกุฏิหลวงปู่มั่น
ผมและ….ไปกราบสักการะรูปปั้นหลวงปู่มั่นด้านหน้ากุฏิ มีข้อความว่าห้ามขึ้นเมื่อกราบเสร็จก็เดินชมใต้ถุนกุฏิที่สูงประมาณ2เมตรเราเดินไม่ต้องก้มศรีษะ ด้านรอบ จะเห็นกุฏิ และชิ้นส่วนค่างๆที่ถูกเก็บไว้ และเดินไปอ่านคติธรรมที่ติดตามต้นไม้ วันนี้วันหยุดได้มีโอกาสอ่านบทความ”หลวงปู่หมั่น”ที่ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือมากท่านอยู่สกลนคร ส่งมาให้อ่านและผมนึกถึงตัวเองที่มีโอกาสไปกราบ
”รูปหล่อเหมือนที่ศาลา”ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น บทความมีอยู่ว่าอย่างไรอ่านดูครับ
“หลวงปู่มั่น” เกิดมาพร้อม “บุคลิกพิเศษ” ที่ทำให้ท่านกลายเป็น “สาวกที่สมบูรณ์แบบ” ของพระพุทธเจ้า
“หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” คือหนึ่งในพระวิปัสสนาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ท่านเป็นผู้มีปฏิปทาสันโดษ มักน้อย แสวงหาความวิเวก และปรารภความเพียรตั้งแต่วันแรกบรรพชา-อุปสมบทจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ชนิดที่เรียกได้ว่าครบถ้วนสมบูรณ์แบบ
วัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดของหลวงปู่มั่นก็คือ บิณฑบาตเป็นวัตร ฉันในบาตรเป็นวัตร ฉันมื้อเดียวเป็นวัตร และใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
หากผู้ใดต้องการถวายจีวร ผ้าสบง ผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ใด ๆ ให้แก่ท่าน ก็เป็นอันรู้กันว่าจะต้องนำไปวางไว้ที่บันไดบ้าง วางไว้ใกล้ ๆ กุฏิของท่านบ้าง วางไว้ตรงทางเดินไปห้องน้ำบ้าง เมื่อท่านเห็นก็จะบังสุกุลเอา บางผืนท่านก็ใช้ บางผืนก็ไม่ได้ใช้ ใครไม่รู้อัธยาศัยแล้วนำไปถวายกับมือ ท่านจะไม่รับ
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นพระนักปฏิบัติ ท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าที่มีความสมบูรณ์แบบด้วยบุคลิกลักษณะทั้งภายนอกและภายใน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเกียรติคุณของท่านจึงขจรขจายจนถึงทุกวันนี้ แทนที่ความศรัทธาในตัวท่านจะเลือนหายไปเมื่อท่านละสังขาร ก็กลายเป็นว่าศรัทธานั้นกลับเจริญงอกงามขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
หลวงปู่มั่นมีไฝอยู่ตรงระหว่างคิ้ว ลักษณะคล้ายกับพระอุณาโลมของพระพุทธเจ้า ไฝเม็ดนี้เป็นจุดดำเล็ก ๆ มีขนสามเส้น ไม่ยาวมาก โค้งหักเป็นตัวอักษร ก. และเป็นเส้นละเอียดอ่อนมาก ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็น เวลาท่านปลงผมจะปลงขนที่ว่านี้ออกด้วย แต่ไม่นานก็งอกขึ้นใหม่ในลักษณะเดิมอีก
หูของหลวงปู่มั่นมีลักษณะยาน จมูกโด่ง แววตาของท่านก็เหมือนแววตาของไก่ป่า (คือเป็นวงแหวนในตาดำ) ส่วนที่มือของท่านนั้น นิ้วชี้จะยาวกว่านิ้วอื่น แล้วไล่ลงมาจนถึงนิ้วก้อย นิ้วเท้าก็เหมือนกัน
ตลอดชีวิตของหลวงปู่มั่นนั้น ท่านเดินทางธุดงค์ข้ามภูเขาไปไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูกจนเท้าพองไปหมด
ศิษย์ท่านหนึ่งคือหลวงปู่หล้า เขมปัตโต เคยเล่าว่า เวลาล้างเท้าให้หลวงปู่มั่นจะเห็นฝ่าเท้าของท่านเป็นลายก้นหอยสองอัน และมีรอยอยู่กลางฝ่าเท้าเหมือนกากบาท เวลาท่านเดินไปไหนแล้วนำไปก่อน สานุศิษย์จะไม่เดินเหยียบรอยเท้าของท่าน และเมื่อท่านเดินผ่านไปแล้ว ชาวบ้านไปส่องดูก็จะเห็นเป็นลาย “ตารางหมากรุก” ปรากฏอยู่ที่รอยฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ส่วนรอยนิ้วเท้าก็เป็นลายก้นหอยเหมือนกัน จะเรียกก้นหอยหรือวงจักรก็ได้ มีอันใหญ่กับอันเล็กสองอัน
สิ่งเหล่านี้เป็นลักษณะพิเศษทางกายภาพของหลวงปู่มั่น
บุคคลทุกระดับเมื่อเข้าถึงตัวหลวงปู่มั่นแล้ว ท่านจะเป็นกันเองมาก เวลาคุยก็สนุกสนานเหมือนคนรู้จักกันมานาน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า หากบุคคลที่เข้าไปหาท่านเป็นพวกที่มักจะเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ ท่านจะไม่ค่อยเป็นกันเองเท่าไหร่ ถามคำไหน…ได้คำนั้น ถ้าไม่ถาม…ท่านก็นั่งเฉย
หลวงปู่มั่นเคยพูดว่า
“ผู้ที่จะมาศึกษาธรรมะกับเรา จะเป็นญาติโยมก็ดี หรือเป็นพระสงฆ์ก็ดี ขอให้เก็บหอกเก็บดาบไว้ที่บ้านเสียก่อน อย่านำมาที่นี่ … อยากมาปฏิบัติ มาฟังเทศน์ฟังธรรม ถ้านำหอกนำดาบมาจะไม่ได้ฟังเทศน์ของพระแก่องค์นี้”
แม้กระทั่งเด็กที่ไม่รู้เดียงสา หลวงปู่มั่นก็ทำเสมือนว่าเป็นเพื่อนได้ ในความรู้สึกของผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เวลาท่านอยู่กับเด็ก กิริยาของท่านจะเข้ากับเด็กได้ดี
คุณสมบัติอันเป็นมิตรของท่านนี้ทำให้ใครก็ตามที่เข้าไปหาท่านแล้ว…กลับออกมาก็อยากเข้าไปอีก ใครได้ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว…กลับมาก็อยากกลับไปฟังอีก!!
ที่มา : เกร็ดประวัติและปกิณกธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, หนังสือ “รำลึกวันวาน” โดย หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ