สกลนคร สาวร้องสื่อซื้อประกันเหมาจ่าย10ล้าน ปีที่แล้วใช้ไป6.5แสน มาปีนี้ โดนบริษัทประกันชีวิตเทยกเลิกไม่ให้ต่ออายุกรมธรรม์
สาวสกลนครร้องสื่อถูกบริษัทประกันชีวิตมหาชนแห่งหนึ่งแจ้งยกเลิก ทั้งที่ทำประกันสุขภาพเหมาจ่าย 10 ล้านต่อปี พอเข้าปีที่4 ส่งเบี้ยไปแล้ว 46,000บาท แต่ถูกบริษัทเทและโอนคืน อ้างว่าผู้เอาประกันมีความเสี่ยงสูง จึงร้องขอความเป็นธรรม
วันที่ 2 กันยายน 2567 คุณเจ นามสมมติ (นางสาว ณัฏฐริน สุธรรม บ้านเลขที่91/44โยธินวิลเลจ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร47000) เข้าพบผู้สื่อข่าวแจ้งว่าถูกบริษัทประกันแห่งหนึ่งเท โดยแจ้งยกเลิกอ้างว่าผู้เอาประกันมีความเสี่ยงสูงตนคิดว่าถูกเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้มาร้องเพื่อให้สังคมรับทราบ โดยเมื่อปี 2563 ตนได้ทำประกันชีวิตกับบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งได้ตรวจสอบแล้วมีความน่าเชื่อถือ ประเภทประกันสุขภาพ ก่อนทำแถลงประวัติการรักษาทั้งหมด และยื่นสเตทเม้นท์ 6 เดือน ถึง 1ปี โดยคุณเจ กล่าวต่อว่า ทั้งครอบครัวมี 5 คน พ่อแม่ ลูก 3 คน ก่อนนี้ไม่ได้สนใจจะซื้อประกัน แต่ไปโรงพยาบาลเอกชนบ่อย จนรู้จักพยาบาล พยาบาลแนะนำประกัน เลยซื้อช่วยไม่คิดว่าการมีประกันสุขภาพจะใช้ได้จริง หลายเดือนต่อมาลูกไม่สบาย ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ค่ารักษาทั้งหมด 6 หมื่น ประกันอนุมัติจ่ายเพิ่มเองไม่กี่พัน หลังจากนั้นจึงเห็นคุณค่าของการมีประกัน ต่อมาจึงซื้อประกันให้ทั้งบ้าน หลายบริษัท แต่ละคนทำไม่เหมือนกัน
“วันที่ 8 มิถุนายน 2563 ตอนนั้นร่างกายแข็งแรงดี จึงมั่นใจ ไว้ใจ เชื่อใจ เลยเลือกที่จะทำประกันสุขภาพเหมาจ่าย 10 ล้านกับบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง พอปี 2564 ได้คลอดลูกคนที่ 3 ทำให้ภูมิของร่างกายเริ่มตก บวกกับให้นมบุตรมาตลอด พอปี 2565 ติดโควิดทั้งบ้าน ไปแอดมิดที่โรงพยาบาล ค่ารักษาทั้งหมด 5 คนรวมกัน 8 แสนบาท บริษัทประกันก็จ่ายให้ (แต่ละคน ใช้บริษัทประกันไม่เหมือนกัน) “ปี 2566 เหตุที่พึ่งคลอดลูก และให้นมบุตรจึงทำให้มีฮอร์โมนแปรปรวน เป็นรอบเดือนนานถึง 8เดือน พอหายจากโควิด ก็เป็นลองโควิด ทำให้ทั้งบ้านป่วยบ่อย บวกกับโรงเรียนเปิดเรียนปกติหลังโควิด บุตรคนที่1ไปโรงเรียน กลับมาติดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์หนึ่งมา คนเป็นแม่และคนในบ้านก็ติดด้วย (ทั้งๆฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีแล้วและเด็กทุกคนในบ้านฉีดวัคซีนหลักและวัคซีนเสริมทุกตัว ) พอหายได้ไปกี่เดือน ลูกคนที่ 2 ไปโรงเรียนก็ติดไข้หวัดคนละสายพันธุ์แล้วก็ยังมาติดทั้งบ้าน จึงทำให้เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมากและเข้าทีจะแอดมิด 2 คน 3 คน
ปี 2567 เนื่องจากเป็นหวัดบ่อยจึงทำให้เป็นไซนัส จึงจะทำการผ่าตัดไซนัสและจมูกคดแต่พอเลิกให้นมบุตร คุณหมอเปลี่ยนยาที่แรงขึ้น จึงเปลี่ยนวิธีเป็นการจี้จมูกลดบวมแทน ขณะรอห้องพักฟื้น ร่างกายเกิดชาครึ่งซีก อ่อนแรง มีอาการเหมือนคนสโตรก โชคดีที่อยู่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำถึงได้เข้ารับการรักษาได้ทันที สุดท้ายได้แอดมิท ประกันก็จ่ายค่ารักษาให้ทั้งหมด 180,000 บาท จึงภูมิใจมากที่คิดถูก เลือกถูกบริษัทที่มั่นคงทางการเงินและการทำงานอย่างมีความเที่ยงตรง บอกญาติพี่น้องให้ซื้อตามหลายคน ” แต่แล้วเมื่อเดือนมิย.2567 ครบอายุกรมธรรม์ บริษัทได้ทำการไม่ให้ต่ออายุกรมธรรม์ ทั้งๆได้โอนเงินค่าเบี้ยประจำปีไปแล้ว 46,000 บาท แต่แล้วบริษัทก็โอนคืน แล้วอ้างสาเหตุว่า 1.ลูกค้ามีความเสี่ยงภัยสูง เคลมเยอะ หากลูกค้าคนไหน นอนโรงพยาบาลมากกว่า 3 ครั้งต่อปี บริษัทนับว่ามีความเสี่ยงภัยสูง บริษัทประกันไม่สามารถรับความเสี่ยงภัยนี้ได้ 2. ในวัย 35-40ปี ไม่ควรป่วยกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกัน 3.มีครั้งหนึ่งไปนอนรพ. ด้วยอาการปวดหัว บริษัทมองว่าไม่มีความจำเป็น แต่ความเป็นจริงคือ ปวดหัวรุนแรง ตาลืมไม่ขึ้น ปากพูดไม่ได้ และบริษัทก็อนุมัติแฟลกเคลมค่ารักษาตั้งแต่วันนั้นแล้ว สุดท้ายบริษัทบอกว่า บริษัทสามารถยกเลิกได้ ต่อให้เราก่อนทำแถลงประวัติทั้งหมด ไม่เคยปกปิด และมีความจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เพราะมีคำว่า “แต่ ขึ้นกับการพิจารณาของบริษัท”
คุณเจ โอดครวญด้วยว่า ทำไมในเมื่อเราบริสุทธิ์ใจก่อนทำ เลือกบริษัทประกันชีวิตมหาชนแล้วด้วย ก่อนทำแข็งแรงดี พอเราป่วยเยอะแล้วจึงมายกเลิก อ้างว่ามีความเสี่ยงสูง ทั้งๆบริษัทบอกขายความเสี่ยงในอนาคต ให้เอาความเสี่ยงมาให้บริษัท ปีที่แล้วทั้งบ้านป่วยเยอะ เคลมคนละหลายแสน บริษัทที่ลูกๆทำเป็นบริษัทประกันภัย ปีนี้ก็สามารถต่ออายุกรมธรรม์ได้ปกติ เว้นเธอ ที่ใช้อีกบริษัทที่เป็นประกันชีวิตมหาชนเหมาจ่าย 10 ล้าน แต่กลับถูกยกเลิก สามีตนก็ทำหลายบริษัท ไม่ได้แอดมิท 2 ปี มาต้นปีนี้ป่วย นอนรพ.ไป 2 คืน ตอนกลับส่งแฟลกเคลมบริษัทประกันแรกเหมาจ่าย 10 ล้าน ผลคือบริษัทแจ้งว่า ไม่พบข้อบ้งชี้จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล บริษัทไม่จ่าย โชคดีที่เธอซื้ออีกบริษัทที่เป็นบริษัทประกันภัย ให้สามีที่เหมาจ่ายแค่ 700,000 บาท จึงให้ รพ.แฟลกเคลมบริษัทที่ 2 ในวันเดียวกัน ผลคือบริษัทประกันที่ 2 ชำระให้ครบทุกบาท ไม่ต้องสำรองจ่ายเลย
“วันนี้ จึงออกมาร้องสื่อ อยากให้ประชาชนชาวไทยหลายคน ที่เห็นคุณค่าของประกัน กลับไปดูกรมธรรม์ที่ถือมาหลายปีก่อนวันที่ 8 พย.2564 ( กฎหมายพึ่งออกมาคุ้มครอง คนที่ทำประกันหลัง 8 พย.2564 ) ว่าบริษัทสามารถยกเลิกได้ หากเราถือมา 3 ปี 5 ปี หรือมากกว่า 10 ปี ถ้าปีที่1 1 เราป่วยเยอะ เคลมเยอะ ปีที่ 1 และ 2 บริษัทสามารถยกเลิกได้ แล้วคนที่ป่วยมาเยอะแล้ว จะไปทำต่อที่ไหนก็ยาก เหมือนติดเครดิตบรูโรของการซื้อประกันสุขภาพ รวมถึงโรคร้ายแรงได้อีกด้วย อยากให้มีหน่วยงาน มาช่วยคนกลุ่มนี้ กลุ่มที่ทำประกันสุขภาพมาก่อน 2 ปีที่ผ่านมานี้ด้วย( ก่อนวันที่ 8 พย 2564) ไม่ใช่แค่พึ่งจะคุ้มครองคนที่ทำหลังจาก คปภ.คุ้มครอง เพราะประชาชนขาวไทยหลายคนไม่ทราบ ว่าประกันสามารถยกเลิกได้ ถ้าคนไหนยังแข็งแรงดี แนะนำรีบไปเปลี่ยนเป็นแผนใหม่ ร่างกายที่ป่วยอยู่แล้ว กลับมาโดนประกันที่มั่นคงยกเลิก สุขภาพจิตใจก็ย่ำแย่ตาม ไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบเธอ