ดัชนีชี้วัด”เวียดนาม”คนของเขาถูกอบรมสั่งสอนให้คำนึงถึงชื่อเสียงของประเทศมากที่สุด แต่เรายังยกพวกตีกันอวดต่างชาติ เพราะแย่งกันหากิน
วันนี้ได้นำเรื่องที่น่ารู้ไว้ว่าเมื่อครั้งหนึ่งเราเดินหน้าไปไกลแล้วแต่เขายังเกิดสงครามกันอยู่เลย ผู้นำของเขายังพำนักในประเทศเราจนมีพิพิธภัณท์ อยู่ที่จังหวัดนครพนม เท่าทุกวันนี้ ตามที่ท่านวิทิต ลาวัลย์เสถียร นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ พูดถึงตอนเวียดนามเกิดสงครามคุณวิทิด ยังนั่งรถบรรทุกค้าผลไม้อยู่เลยครับ โดยมีผมและ พี่หล่อ เป็นคนขับ ทับลาน อำเภอนาดี ปัจจุบันนี้เรียกว่า วังขอนแดงถนนเส้นนี้ 304 โคราช -อู่ตะเภา ก่อนขึ้นเขาปักธงชัย เป็นถนนยุทธศาสตร ที่ทำให้เครื่องบินลงได้ ถ้าเกิดฉุกเฉิน หลังจากที่ไปรบที่เวียดนามกลับมากรณีเครื่องบิน บี 52 ถูกยิงหรือเสียจะใช้ที่นี่เป็นที่ลงฉุกเฉิน เพิ่เติมว่าคนยกพวกตีกันตัวอย่างมีให้เห็นที่พัทยา รถรับจ้างป้ายดำ หรือที่เรียกว่า โบ๊ส ตีกันกับ จักรยานยนต์รับจ้าง ที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้
วันนี้เวียดนามมีอะไรที่น่ากลัวรองอ่านบทความที่ท่านวิทิต เขียนครับแล้วจะรู้
ได้เวลาที่จะต้องตื่นกันแล้วคนไทย
มีโอกาสได้ไปเยือนเวียดนามอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ไปมานานพอสมควร ครั้งหลังสุดน่าจะผ่านมาประมาณ 7-8 ปีแล้วต้องยอมรับว่าไปครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่าเขาคือคู่แข่งที่น่ากลัวมาก การพัฒนาตื่นตัวรวดเร็วความปลอดภัยก็ดีขึ้นมาก ที่สำคัญที่สุดที่รู้สึกได้เลยว่าภาครัฐของเขาปรับนโยบายทางการแข่งขันได้ตรงประเด็นที่สุด นั่นคือการปรับลดค่าครองชีพลงอย่างเหลือเชื่อจนทำให้รู้สึกว่าไปถึงที่นั่นการใช้เม็ดเงินในการท่องเที่ยว มันคุ้มค่าจริงๆ เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆว่าแตกต่างกันอย่างไร ห้องที่ผมไปพักอยู่หน้าหาดตรงบริเวณที่ดูสวยงามที่สุดนอนโรงแรมชั้นที่ 38 ห้องสูทชั้นดีวิวพาโนรามาถ้าไปนอนพัทยาห้องสภาพแบบนี้ต้องเกินคืนละ 10,000 แต่นี่คิดแล้วตกคืนนึงประมาณ 4,000 ค่าแท็กซี่ไม่ว่าจะไปที่ไหนในเมืองของเขาราคาไม่เกิน 100 บาทไทยก็อย่างแพงแล้ว ส่วนใหญ่จะแค่ 40 บาท 50 บาทซึ่งถูกจนเหลือเชื่ออาหารการกินถ้าเปรียบเทียบคุณภาพของวัตถุดิบ ราคาจะถูกกว่าเราไม่ต่ำกว่า 30% ถ้าเปรียบเทียบอาหารถิ่นจะถูกกว่าของเราค่อนข้างเยอะ ไปทานแหนมเนืองที่ต้องบอกว่าอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินแหนมเนืองมา แตกต่างกว่าแหนมเนืองที่ขายอยู่ในเมืองไทยเหมือนฟ้ากับดิน ขนาดร้านเปิด 5 โมงเย็น4โมงครึ่งคนก็ไปยืนต่อแถวกันยาวเหยียดแล้ว วันแรกไปประมาณ 19:00 น ไม่ได้กินต้องกลับมาก่อน
อีกวันไปใหม่ตั้งแต่ 4 โมงครึ่งไปถึงเหลือโต๊ะสุดท้ายพอดีภาษาของเขาเราพูดไม่ได้ ได้แต่ร้องว่าเอาแหนมเนืองแล้วก็ชี้มาที่ 4 คนที่ไปนั่งทานด้วยกันสูตรของเขาแปลกมากแป้งที่ใช้ห่อแหนมเนืองไม่ได้เอามาแช่น้ำเหมือนบ้านเราเอาห่อแห้งๆแบบนั้นภายในนอกจากมีเนื้อคล้ายๆหมูย่างเป็นแท่งๆยังมีฟองเต้าหู้ทอดกรอบเป็นแท่งยาวๆมากินควบกับแหนมเนืองทำให้ความรู้สึกเหมือนเคี้ยวแล้วกรุบกรอบดีมากจนต้องยอมรับว่าถ้าไปอีกครั้งวางแผนจะให้แท็กซี่ไปหิ้วมากินที่โรงแรมจะได้ฟาดให้เต็มอิ่มผักก็ไม่ได้หั่นเป็นชิ้นฝอยๆเล็กๆ มะม่วงหั่นแบนๆทั้งลูกแตงกวาก็ฝานยาวๆเป็นแผ่นๆเวลาใส่เข้าไปแล้วห่อด้วยแผ่นแป้งเหมือนกับกินฮอทดอกไปกินที่ร้านเขายังไงก็ต้องเร่งรีบจะมัวสำออยอ้อยอิ่งไม่ได้เกรงใจคนที่ยืนเข้าคิวรอ รวมๆแล้วภาพรวมของเขาต้องยอมรับว่าถ้านับเขาเป็นคู่แข่งจะถือว่าน่ากลัวมากกินเสร็จคิดเงินทั้งโต๊ะตกประมาณ 300 บาท ปรากฏว่าคนจีนคนเกาหลีเดินกันเกลื่อนเมืองพวกฝรั่งก็เยอะเกิดความรู้สึกทันทีว่านี่คือตัววัดดัชนีทางการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เมื่อภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำจะกลายเป็นตัวเลือกแรกที่สำคัญเขาอบรมคนของเขามาดีมาก แท็กซี่ของเขาไม่มีเรื่องการขูดรีดราคาบางครั้งเราเห็นว่ามันถูกเกินเราให้เขาเพิ่มพอขึ้นอีกครั้งเขาไม่รับเงินเขาบอกว่าตอนเช้าที่ให้ไว้เยอะพอแล้วเลยทำให้รู้สึกประทับใจเขามากตอนขากลับให้เขามาส่งที่สนามบินอดไม่ได้ต้องให้ทิปเพิ่มไปอีกสองแสนด่องคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 300-400 บาท แต่ยอมรับว่าเรามีความสุขจริงๆ กลับมาแล้วจึงต้องรีบมาเขียนเพื่อบอกให้รู้ว่าเราอย่าหลงระเริงอยู่บนความประมาท แล้วก็ทึกทักเอาเองว่าเราน่าจะเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำสุดพอไปเห็นแล้ววัดกันด้วยความรู้สึกจริงๆ บอกได้เลยว่าเม็ดเงินที่ใช้ไปที่นั่นมันดูคุ้มค่าและมีราคาจริงๆ
ที่สำคัญที่สุดอีกตัวหนึ่งที่จะเป็นดัชนีชี้วัดคือคนของเขาถูกอบรมสั่งสอนให้คำนึงถึงชื่อเสียงของประเทศมากที่สุด ทำให้การบริการในทุกด้านของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ อันนี้แหละที่น่ากลัวมาก ในขณะที่ประเทศของเราผู้คนแตกแยกทางความคิดเอาแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ของเขาร่วมมือร่วมใจทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามไม่มีการแก่งแย่งชิงดีบอกตรงๆว่า แค่วันแรกไปถึงเข้าเช็คอินในโรงแรม ก็รู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ในการต้อนรับที่เต็มไปด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดีมากพูดง่ายๆก็คือ เริ่มต้นก็รู้สึกดีแล้วแบบนี้ถ้าเรายังหลงระเริงอยู่ก็ให้ระวังให้ดีเข็มทิศมันจะหมุนไปทางประเทศอื่นมากกว่าจึงอยากจะบอกกับประชาชนของเราว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้รักสามัคคี เอาเวลาที่จะทะเลาะกันมาร่วมกันพัฒนาชาติถึงจะถูกที่สำคัญประชาชนของเราควรที่จะต้องไตร่ตรองและมีสติให้ดี ตอนนี้ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่คำว่าจะเลือกพรรคไหนดี แต่ต้องเลือกพรรคที่ไม่เอาแต่ทะเลาะกันไม่ยุแยงให้ประชาชนแตกแยกเราถึงจะกลับมาเข้มแข็งได้ แล้วที่สำคัญเราต้องมองถึงจุดยืนของประเทศ ไม่ใช่เอนเอียงไปฝักใฝ่ฝ่ายใดพาตัวเองไปเป็นเมืองขึ้นเขาพรรคแบบนี้อย่าได้ไปเลือกกันเข้ามาไม่ต้องอะไรหรอกเอาแค่บ้านเราในภาคตะวันออก เราต้องรู้ให้ได้ว่า อาชีพของคนส่วนใหญ่เราพึ่งพาความเป็นเกษตรกรตอนนี้เราอยู่ได้เพราะสวนทุเรียนและสวนผลไม้อื่นๆถ้าเราเกิดเลือกผิดฝั่งผิดฝ่าย ประเทศที่อุดหนุนสินค้าเราไม่ซื้อสินค้าเราขึ้นมา คุณลองนึกภาพดูแล้วกันไม่ว่าสวนทุเรียนไม่ว่าสวนยางไม่ว่าสวนผลไม้คุณจะขายให้ใคร เรื่องแบบนี้ต้องคิดให้เป็นถ้าอยากเป็นเมืองขึ้นเขาต้องเป็นแล้วเรามีความสุขสิ ไม่ใช่เป็นแล้วเราจะเป็นทุกข์อยากจะกลับไปเหมือนกับสภาพเมื่อ 50 ปีก่อนหรือยังไงเรื่องแบบนี้สิที่ต้องคิดให้เป็นถ้าบอกว่าแบบนี้เรียกว่าชี้นำผมว่าไม่ใช่ ก็แค่แยกแยะให้ฟังแล้วให้ทุกคนไปคิดกันเอาเองการที่ชาติของเราเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายต่างๆได้ เราต้องรู้จักเลือกให้ดีเดี๋ยวนี้สิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่า ถ้าเลือกผิดแล้วเกิดวันข้างหน้ามีสงครามเกิดขึ้นเราจะยิ่งเลวร้ายจนถึงที่สุด กลับมาถึงเลยรีบมาเขียนเรื่องนี้อยากให้ทุกคนมีทางที่จะเลือกเดินให้ถูกทาง