วันจันทร์, ธันวาคม 23, 2024
Uncategorized

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยกับการไล่ล่าแก็ง”ผู้กองยา”นาจอมเทียนด้วยการเป็นตำรวจจึงรู้แนวทางการเอาตัวรอด แต่ครั้งนี้ต้องยอมรับว่าตำรวจชุดสายสืบของ สภ.บางละมุง ชลบุรี ต้องใช้แผนเกลือจิ้มเกลือด้วยการจับสมุนที่มีอยู่เกือบ 10 คน ของผู้กองยาแห่งสถานีตำรวจนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ สอบปากคำจนครบ ท้ายที่สุดคือการออกหมายจับ ผู้กองยา เจ้าตัวรู้ว่าถูกออกหมายจับเผ่นตั้งหลัก ที่จังหวัดอุดรธานี อ้างส่งเมียหาหมอ 

จากเหตุการณ์ตำรวจสถานีตำรวจบางละมุง จังหวัดบุรี รวบแก๊งตำรวจโจร “ผู้กองยา” ที่มีสมุนเกือบ 10 ทุบกำแพง ขโมยรถบดถนน แบบสั่นสะเทือน-ยกหม้อแปลง มูลค่าเกือบ 10 ล้านขายเศษเหล็ก ชุดสืบสวนแกะรอยตามล่า รู้หัวหน้าทีม ถึงกับช็อกพบระดับสั่งการ เป็นตำรวจชุดสืบ ยศร้อยเอก สถานีตำรวจนาจอมเทียน  

พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป.รรท.ผกก.บางละมุง พ.ต.ท.กรณ์พงษ์  สุขวิสิฏฐ์  รอง ผกก.สส. นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 20 นาย เข้าทำการปิดล้อมจับกุมคนร้าย ก่อเหตุลักทรัพย์ เครื่องจักรขนาดใหญ่ บริเวณด้านหลังโรงงานรับซื้อของเก่า เลขที่ 84/5 ม.1 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง  จ.ชลบุรี ถนนสาย 36 พัทยา- ระยอง หลังได้รับการประสานจากเจ้าของโรงงานว่า มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 4-5 คน ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ และทำลายทรัพย์สินของโรงงานได้รับความเสียหาย

ในเบื้องต้น ตรวจสอบบริเวณด้านหลังโรงงาน ซึ่งเป็นป่ามันสำปะหลัง พบผู้ต้องสงสัย 4 คน กำลังขนย้ายท่อนเหล็กน้ำหนักเกือบ 20 กก. จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุม ทราบชื่อต่อมา 1.นายวัชรากร  แสนวงษ์ อายุ 35 ปี เลขที่ 6 ม.7 ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด 2. นายไกรลาศ สีมา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 484 ม.5 ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง 3. นายสมศักดิ์ เกิดโพธิ์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 ม.5 ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง 4. นายชัยชนะ ภุมมารักษ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.2 ต.หนองไม้แดง อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี  พร้อมยึดอุปกรณ์ตัดเหล็ก เครื่องมือช่าง  พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์กระบะยี่ห้อ TOYOTA รุ่น Hilux Revo สีเทา-ดำ หมายเลขทะเบียน 2 ฒอ 8083 กรุงเทพมหานคร

หนึ่งในผู้ต้องหาที่สามารถจับได้ ให้การว่า ได้รับคำสั่งจากนายจ้างให้เข้ามาขนเศษเหล็ก ซึ่งมีการตัด ทิ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และรับว่าจะนำไปขาย ที่โรงรับซื้อของเก่าในพื้นที่จังหวัดระยอง ส่วนคนที่ว่าจ้างไม่เคยเจอหน้าทุกครั้งจะสั่งการผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งจะเรียกกันว่า “ผู้กอง”  ขณะถูกจับกุม  ก็ได้รับคำสั่งให้มาขนของเหมือนหัน แต่ยังไม่ทันได้เคลื่อนย้าย ก็ถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมเสียก่อน 

พฤติกรรมที่คนร้ายก่อเหตุครั้งนี้ถือว่าอุกอาจมากถึงกับเจาะกำแพงปูนเข้าไปโดยไม่แยแสสายตาชาวบ้าน เพราะด้านหลังเป็นทางสาธารณะ แล้วแก็งนี้ทำงานกลางวัน โรงงานดังกล่าว เป็นโรงงานรับซื้อของเก่า และรีไซเคิล มีเนื้อที่ของโรงงานมีประมาณ 200 ไร่ ตรวจสอบบริเวณด้านหลังโรงงาน พบซากรถ 10 ล้อ , รถแบ็คโฮ รถยนต์ , รถเครื่องจักร ( jcb ขุดหน้าตักหลัง ) จอดเรียงรายหลาย 10 คัน ซึ่งรถทั้งหมดส่วนใหญ่ เป็นรถที่รอการซ่อมบำรุง โดยเบื้องต้นพบว่ารถแต่ละคัน ถูกตัดเพลา ยกหม้อน้ำ ตัดถังน้ำมัน จนหมดเกือบทุกคัน 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีร่องรอย การตัดเหล็ก บริเวณด้านหน้ารถเจซีบี ( รถขุดหน้าตักหลัง ) ได้รับความเสียหาย และ บริเวณเสาไฟข้างโรงงาน ที่ติดตั้งหม้อแปลง ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ถูกคนร้ายตัดสายไฟ  และ ยกหม้อแปลง ขนาด 250 กิโลโวลต์ หายไป อีกทั้งยังพบว่า กำแพงของโรงงานสูงเกือบ 5 เมตร ถูกคนร้าย ทุบกำแพงเปิดช่องเพื่อเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ และทุบเป็นช่องรูขนาดคนมุดเข้าไปได้ จำนวน 2 ช่อง 

นางสาวนก นามสมมุติ อายุ 45 ปี หัวหน้าคนงาน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้ โรงงานถูกคนร้ายเข้ามาขโมยของบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้ง เพราะคนร้ายก่อเหตุ มีการทุบกำแพง แล้วเข้ามาขนรถบดสะเทือน ยี่ห้อเจซีบี มูลค่า 3 ล้านบาท หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่  อะไหล่เครื่องจักร และอะไหล่รถบรรทุก 10 ล้อ รวมถึงท่อนเหล็กน้ำหลักหลาย 10 ตัน ได้หายไป รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ทางเจ้าของโรงงานจึงให้ตนเองและพนักงาน มาเฝ้าดู จนกระทั่งพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ย้อนกลับมาขนของอีกครั้ง จึงแจ้งเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว ส่วนรถบดและหม้อแปลงที่ถูกขนย้ายไปก่อนหน้านี้เชื่อว่าต้องใช้คนจำนวนมาก รวมถึงรถที่มาขนย้ายต้องเป็นรถเครน มาขนไป 

 ในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ปรากฏว่ามีรถกระบะต้องสงสัย  2 คัน ขับเข้ามาภายในไร่มันสำปะหลัง โดยคันแรก เป็นกระบะ สี่ประตู สีดำ คันที่ 2   เป็นรถกระบะ แค๊ป สีดำ บรรทุก ถังแก๊ส ถุงลม ที่ใช้ในการตัดเหล็ก มาเต็มคันรถ  ทีมข่าวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินเข้าไปสอบถาม แต่ปรากฏว่ารถคันแรกไขสืออ้างเป็นเจ้าของไร่มัน คนขับรถได้เปิดประตูลงมาต่อว่า ผู้สื่อข่าว และ ตำรวจว่า มาทำให้ไร่มันสำปะหลัง เสียหาย แต่รถอีกคัน ที่ตามหลังมา ได้จอดรถ แล้วมีชายฉกรรจ์   4-5 คน ลงมาจากรถ และมีท่าทีตกใจ เมื่อเห็นตำรวจ พร้อมทั้งบอกว่า ขับตามรถคันแรกมา เพราะได้รับว่าจ้างให้มาตัดเหล็กเครื่องจักรขนาดใหญ่ ตนเดินทางมาจาก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พร้อมยืนยันว่า รถคันแรกเป็นคนขับนำทางมายังสถานที่ดังกล่าว ก่อนจะถูกตำรวจจับเข้าตรวจสอบ 

ตำรวจมีการกดดัน คนขับรถคันแรก ทราบชื่อว่า นายเตี้ย นามสมมุติ อายุ  51  ปี  เป็นช่างขุดเจาะบาดาล ก่อนที่เจ้าตัวจะยอมรับว่า  ได้รับคำสั่งให้พาทีมผู้รับเหมาตัดเข้ามาตัดของเก่า ในพื้นที่ดังกล่าว โดยก่อนหน้าช่วง 9 โมงเช้ายังสามารถติดต่อคนสั่งงานได้อยู่ แต่พอมาถึงโรงงานที่นัดหมาย กลับติดต่อปลายสายไม่ได้ พยายามโทรเป็น 10 สาย ก็ไม่ยอมรับสายอีกเลย โดยปลายสายรายนี้ รู้เพียงว่า เป็น ตำรวจ ยศผู้กอง  อีกทั้งยืนยันว่า ตนเองทำตามคำสั่งเท่านั้น 

เบื้องต้น ตำรวจจึงเชิญตัวทั้งหมดไปทำการสอบสวน ที่ สภ.บางละมุง เพื่อขยายผล และสอบสวน ที่มีการกล่าวอ้างว่ามีตำรวจยศร้อยตำรวจเอกในเขต อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นอกจากนี้ กลุ่มแก๊งดังกล่าวที่จับกุมได้ เชื่อว่า น่าจะเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และ มีนายตำรวจรายนี้อยู่เบื้องหลังเป็นคนสั่งการ แล้วจะเลือกลงมือก่อเหตุกับโรงงานร้าง ที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่   ซึ่งตำรวจจะเร่งสืบสวนสอบสวน หาจุดเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการณ์ออกหมายจับ ผู้กองยา ตำรวจนาจอมเทียน หลังคนสนิทซัดทอด บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน 

ในขณะเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ขยายผลและตรวจสอบข้อเท็จจริง ในคดี ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีการจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ก่อเหตุ ขโมยเครื่องจักร ขนาดใหญ่  หม้อแปลงไฟฟ้า รถบดสั่นสะเทือน ( รถบดถนน ) และทรัพย์สินอื่นๆอีกมาก มาย รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท  ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีเฉียบขาดยิ่งเป็นตำรวจต้องดำเนินคดีให้หนัก อย่าเป็นมวยล้มต้มคนดู

ในที่สุด พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้มีคำสั่ง ที่ ภ.จว.ชลบุรี 345/2567  ลงวันที่ 12 ตุลาคม ให้ ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง รองสว.สส.สภ.นาจอมเทียน ให้มาปฏิบัติราชการประจำที่ศูนย์ปฏิบัติติการ ภ.จว.ชลบุรี โดยขาดจากตำแหน่งเดิม  

ล่าสุดเมื่อช่วงเวลา 10.00 น. ( 13 ต.ค.67 ) พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เดินทางมายัง สภ.บางละมุง เพื่อติดตามและเร่งรัดสำเนาในคดีนี้ โดยเบื้องต้น ชุดสืบสวน สภ.บางละมุง คดีมีขยายผลและติดตามจับกุมได้เพิ่มอีก 5 คน รวมทั้งทั้งสิ้นในคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 9 คน และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พร้อมทั้งซัดทอด ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง รองสว.สส.สภ.นาจอมเทียน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง  

โดยผู้ต้องหาชุดแรก ที่ถูกจับกุมตัวได้ ขณะกำลังเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์และเคลื่อนย้ายสิ่งของ ออกมาจากโรงงานรับซื้อของเก่าและรีไซเคิล ที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ประกอบด้วย  1.นายวัชรากร  แสนวงษ์ อายุ 35 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด 2. นายไกรลาศ สีมา อายุ 33 ปี ชาว จ.ระยอง 3. นายสมศักดิ์ เกิดโพธิ์ อายุ 54 ปี ชาว จ.ระยอง 4. นายชัยชนะ ภุมมารักษ์ อายุ 22 ปี ชาว จ.ชลบุรี  พร้อมยึดอุปกรณ์ตัดเหล็ก เครื่องมือช่าง และ  พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า รีโว่ สีเทา-ดำ หมายเลขทะเบียน 2 ฒอ 8083 กรุงเทพมหานคร

ต่อมาวันที่ 11 ต.ค.67 ขณะที่ตำรวจ สภ.บางละมุง ลงพื้นที่ไปเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามี รถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ไทตัน สีดำหมายเลขทะเบียน ขอ 7473 ชลบุรี พร้อมชายไทยจำนวน 5 คน ทราบชื่อผู้ขับขี่คือ นายชนินทร์ เต็มอิ่ม หรือเตี้ย อายุ 51 ปี ได้นำอุปกรณ์ตัดเหล็กและเครื่องมือหนัก เข้ามาบริเวณด้านหลังโรงงาน โดยตำรวจได้มีการสอบถามคนขับ ให้การอ้างว่า ตนได้รับการติดต่อจากผู้กองยา ทางโทรศัพท์หมายเลข 066-156xxxx ให้นำช่างมาช่วยขนเหล็กภายในโรงงาน ซึ่งตนเองเข้าใจว่าผู้กองยาติดต่อกับเจ้าของโรงงานไว้แล้ว ตนจึงว่าจ้างช่างมาด้วยจำนวน 5 คน” เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง จึงได้ทำการสอบปากคำบุคคลทั้งหมดและทำการตรวจยึด โทรศัพท์มือถือของนายชนินทร์ เต็มอิ่ม ที่ใช้ติดต่อกับผู้กองยา พร้อมทั้งกันตัวไว้เป็นพยาน 

ต่อมา วันที่ 12 ต.ค.2567 พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง ผกก.ป. ( รรท.ผกก. ) , พ.ต.ท.กรณ์พงษ์  สุขวิสิฏฐ์  รอง ผกก.สส. นำกำลัง ชุดสืบสวน สภ.บางละมุง ลงพื้นที่หาข่าว และ ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อขยายผลในคดีนี้ จนพบว่า หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ สำหรับใช้ในโรงงาน ( 3 เฟส ) กำลังไฟ 250 กิโลโวลต์ ของโรงงานที่เกิดเหตุ ที่ถูกขโมยไป ซึ่งจากแนวทางการสืบสวน พบว่าเป็นฝีมือของคนร้ายอีกกลุ่ม ซึ่งถูกว่าจ้าง ให้มาถอดแล้วยกหม้อแปลงดังกล่าวไป ก่อนจะมีการนำไปชำแหละ เพื่อนำลวดทองแดง ภายในหม้อแปลงไปขาย ที่ร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตหนองขาม อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี จึงลงพื้นที่ติดตามจับกุม จนสามารถ จับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่ม อีก 5 คน  1.นายศลิษฏ์หรือเนส พิมเสน อายุ 33 ปี 2.นายประพันธ์ หรือหมอ เรืองเดช อายุ 45 ปี 3.นายสุพล หรือดำ โพธิ์เผือก อายุ 28 ปี 4.นายจีระวัฒน์ หรือแฮม สุวรรณทาน อายุ 30 ปี โดยสามารถจับกุมได้ ในพื้นที่อำเภอศรีราชา และ พื้นที่อำเภอบางละมุง ทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ว่าได้รับคำสั่งจากผู้กองยา ไปก่อเหตุขโมยหม้อแปลงที่โรงงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 กันยายน ก่อนจะนำไปชำแหละ แล้วนำลวดทองแดงน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม ไปให้ผู้กองยา

ส่วนผู้ต้องหารายที่ 9 ถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา ทราบชื่อ นายพงษ์ศักดิ์ หรือปื๊ด ห้วยใหญ่ อายุ 43 ปี เป็นคนสนิทของผู้กอง และ เป็นผู้ได้รับคำสั่ง จากผู้กองยา นำลวดทองแดง น้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม ไปขาย ให้กับโรงรับซื้อของเก่า ในพื้นที่ อ.ศรีราชา โดยนำลวดทองแดงใส่รถยนต์ รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ขน 7276 ระยอง ซึ่งเป็นรถที่ผู้กองยา โดยได้เงินมา 50,000 บาท และผู้กองยา ได้มีการให้เงิน 10,000 บาท เพื่อนำไปแบ่งให้กับคนอื่นๆ   จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว พร้อมกับยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ของผู้กองยาได้ที่บ้านพัก ในเขตพื้นที่หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 

เบื้องต้น ผู้ต้องหา 5 คน ( ที่ถูกจับกุมได้ล่าสุด ) ถูกแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป , โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นโดยประการใดๆ หรือรับของโจร“ และถูกส่งตัวไปฝากขังพลัดแรก ที่ศาลจังหวัดพัทยา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วน ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง รองสว.สส.สภ.นาจอมเทียน หลังมีคำสั่งถูกย้ายให้ไปช่วยงาน ศปก.ภ.จว.ชลบุรี ทราบว่า เจ้าตัว เดินทางไปจังหวัดอุดรธานี โดยอ้างว่าพาภรรยาไปผ่าตัด และยังไม่ได้เดินทางมารายงานตัว  ขณะที่พนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวนคดี โดยมีการสอบปากคำผู้ต้องหา และพยาน รวมทั้งสิ้น 13 ปาก

ต่อมาพล.ต.ต.ชัยต์พจน์ สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ( โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 ) เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลจังหวัดพัทยา ได้อนุมัติออกหมายจับ ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง อดีตตำแหน่ง รอง.สว.สส.สภ.นาจอมเทียนแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *