นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จันทบุรีติดตามโครงการสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เตรียมเสนอ ครม. อนุมัติงบประมาณ 15 ล้านบาท
วันที่21 พฤศจิกายน 2567 – นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจังหวัดจันทบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน (จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด) ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี โดยมีนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยร่วมให้การต้อนรับ
โครงการสะพานดังกล่าวเป็นหนึ่งในความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา โดยได้หารือและปรับแก้ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับล่าสุด ในการประชุมร่วมที่จังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การคมนาคม และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ซึ่งสะพานแห่งนี้มีความยาวรวม 60 เมตร แบ่งเป็นสะพานหลัก 40 เมตร (ฝั่งละ 20 เมตร) และทางเชื่อมอีก 20 เมตร (ฝั่งละ 10 เมตร) รองรับการจราจร 4 ช่องทาง พร้อมทางเท้าสำหรับคนเดินเท้า ออกแบบด้วยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีความแข็งแรงและรองรับการใช้งานระยะยาว
ส่งผลต่อระบบ
• เศรษฐกิจ: สนับสนุนการค้าและการลงทุนชายแดน
• สังคม: เชื่อมโยงประชาชนสองประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิต
• คมนาคม: ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
• สิ่งแวดล้อม: ลดมลพิษและคำนึงถึงความยั่งยืน
• ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: เสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค
สำหรับความคืบหน้าและงบประมาณ นายอนุทินระบุว่า โครงการนี้ใช้งบประมาณเกือบ 15 ล้านบาท ซึ่งจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติในลำดับถัดไป
นอกจากนี้ นายอนุทินยังได้นำคณะเยี่ยมชมจุดที่จะดำเนินการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ (จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด) ร่วมกับ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยราชอาณาจักรกัมพูชา และผู้ว่าราชการจังหวัดไพลินราชอาณาจักรกัมพูชาณ บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน ด่านพรมแดนบ้านผักกาดพร้อมรับฟังการนำเสนอรายละเอียดโครงการจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดจันทบุรี
โครงการสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลินนี้ คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ชายแดน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน.