พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. ลงพื้นที่ ติดตามการช่วยเหลือคนไทย ถูกหลอกทำงานต่างแดน ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ทุกคนสาธุตำรวจไทยที่ช่วย
วันที่9 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. และผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว.จันทบุรี, พ.ต.อ.อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาต รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี, พ.ต.อ.พีรพล เสลารัตน์ ผกก.สส.ภ.จว.จันทบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับตำรวจ สภ.โป่งน้ำร้อน แถลงข่าวกรณีช่วยเหลือเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ผู้ปกครองของเหยื่อ ประกอบด้วย นางสุลาวัลย์ เจริญรัมย์, น.ส.วันดี รวงผึ้ง และนางเนตยา แสงทอง ได้เดินทางมาพบ พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว.จันทบุรี เพื่อร้องทุกข์และขอให้ช่วยเหลือบุตรหลานที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่
1. น.ส.วาสินี (บุตรสาวของนางสุลาวัลย์)
2. นายเวทสิทธิ์ (บุตรชายของน.ส.วันดี)
3. นายธรรมรัตน์ (หลานชายของนางเนตยา)
จากการสืบสวนทราบว่า เหยื่อทั้ง 3 ราย ได้ถูกหลอกให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ในพื้นที่กรุงบาร์เวต (BARVET) จังหวัดสวายเรียง ประเทศกัมพูชา โดยถูกบังคับให้สร้าง Facebook ปลอม หลอกให้เหยื่อโอนเงินลงทุน โดยต้องทำยอดหาเงินให้ได้ เดือนละ 500,000 บาท ถ้าหากทำยอดไม่ได้ต้องไปหลอกญาติพี่น้องของตนเอง และได้มีการทำสัญญาว่าจ้างในการทำงานดังกล่าว
ต่อมา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ทหารของประเทศกัมพูชาสามารถช่วยเหลือเหยื่อออกมาได้สำเร็จ และนำตัวไปยังสถานีตำรวจในประเทศกัมพูชา จากนั้นรัฐบาลกัมพูชาได้ประสานส่งตัวผู้ถูกหลอกกลับมายังประเทศไทยในวันที่ 7 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 11.00 น. ผ่านช่องทางด่าน ตม.อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ได้จัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและญาติของเหยื่อ ณ จุดรับตัว พบว่ามีเหยื่อทั้งหมด 10 ราย แบ่งเป็นชาย 9 ราย หญิง 1 ราย ซึ่งทั้งหมดแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 2 ที่สามารถช่วยเหลือและพากลับสู่ประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย
พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับเหยื่อคนไทย ที่อ้างว่าถูกหลอกไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากนี้ ได้สั่งการให้สอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งสืบหาข้อเท็จจริง แล้วนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง โดย เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจันทบุรี ว่าเข้าข่ายการค้า ม นุษย์หรือไม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ต้องเร่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการช่วยเหลือประชาชนจากการถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ พร้อมฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างหลอกลวงไปทำงานในต่างแดน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต.