วันพฤหัสบดี, มกราคม 2, 2025
คอลัมภ์

#####ทึ่งและศรัทธา ในตัวท่าน ไม่เคยเปลี่ยนเมื่อวานเท่าไร วันนี้ยิ่งกว่า….####

ผมเชื่อมั่นในความสามารถของท่านผู้นี้มาก ขอท้าวความเดิมนิดจากอดีตของท่าน 

วิทิต ลาวัลย์เสถียร “หรือเฮียเซ๊ง” ของคนขับรถบรรทุก ส่งผลไม้ที่มีอยู่ 2 คนผมและพี่หล่อ ก่อนที่จะมาเป็น 

“ธนาธิวัตถ์”  

ท่านเป็นพ่อค้าเร่มาก่อน จากพ่อค้าเร่ ตะลอนไปทั่วประเทศ แม้แต่ถิ่น ผู้ก่อการร้าย ท่านก็ไปโดยมีผมและเพื่อนรุ่นพี่อีกคนชื่อหล่อ ซื้อผลไม้ทุกที่ทุกฤดูกาล เงาะทุเรียน ลำใยมังคุด ส้ม เหนือใต้ออกตก ไปหมด ซื้อทั้งหมากพลู ไปขายอีสานมีศูนย์กลางอยู่โคราช 

ที่หนักที่สุดคืดทุ่งช้างจังหวัดน่าน เราขึ้นส้มเขียวหวานใส่รถบรรทุกไปท่ามกลางเสียงปืนเสียงระเบิดดังทั่วบริเวณที่เรากำลังขึ้นของกัน ท่านอยู่กับพวกผมตลอด ไม่เคยทิ้งลูกน้อง ขึ้นเสร็จรีบเดินทางออกจากจุดอันตราย ท่านก็นั่งมากับรถบรรทุกที่ผมขับ ไปไหนก็ไปกับพวกเรา เพราะท่านติดดินเสมอต้นเสมอปลาย

วันนี้ท่านหันมาทำธุระกิจ เงินทุนหลักทรัพย์ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย

การซื้อขายชั่งกิโลคิดเป็นตาชั่งคิดตามน้ำหนัก คิดค่าใช้จ่าย ซื้อง่ายขายคล่อง ส่งแม่ค้าขายต่อมีเงินก็จ่ายไม่มีเอาไปขายก่อน “พี่ชายท่านขาย(เฮียเกี๋ยง)ตัวท่านซื้อ”ตระเวนทั่วไทย

วันนี้เป็นธุระกิจแบบใช้สมอง ไม่ได้ชั่งกิโล ผมจึงบอกว่าทึ่งในตัวท่านมาก และเชื่อว่าท่านทำสำเร็จ กับความคิดท่าน โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการ ที่ท่านคิด

“ไม่เอาเปรียบประชาชน” ผมขออนุญาตนำบทความของท่านมาลงให้อ่านกัน เมื่อผมอ่านแล้วก็อดที่จะเขียนถึงท่านไม่ได้ เพราะบริษัทผมเป็นหนึ่งที่ท่านส่งเสริม 

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2534 จึงได้จัดตั้งบริษัท ธนาธิวัตถ์ จำกัด ขึ้นอย่างเป็นทางการเพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน ที่อำเภอแกลง ถึงวันนี้ 30 กว่าปีแล้ว ติดอ่านกันครับ

”แดนบูรพา“

“ถึงเวลาทวงคืนความยิ่งใหญ่ในอดีต”

ย้อนกลับไปในอดีตมีธุรกิจไฟแนนซ์เล็กๆก่อตัวขึ้นที่อำเภอแกลง ชื่อว่าเมืองแกลงธุรกิจ เราเริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่มีอาคารที่ทำการเป็นของตัวเอง เราเช่าห้องเล็กๆหน้าโรงพักเก่าที่ในตัวเมืองเป็นบ้านไม้กึ่งถือปูน 2 ชั้น 2 ห้อง เปิดทำกิจการไฟแนนซ์เล็กๆ และด้วยนโยบายที่ไม่เหมือนสถาบันการเงินที่ไหน เราเริ่มต้นด้วยการให้บริการแบบยึดหลักความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง สิ่งที่เรายึดมั่นถือมั่นก็คือ ต้องทำธุรกิจในรูปแบบที่ซื่อตรงไม่เอารัดเอาเปรียบ ตอนนั้นสำหรับสังคมในยุคนั้น ธุรกิจด้านการเงินเหมือนกึ่งๆจะเป็นธุรกิจในรูปแบบการเงินนอกระบบ มีการคิดอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง มีการคิดค่าธรรมเนียมในการแลกเข้าที่คนสมัยนั้นเรียกว่าเงินปากถุง มีการคิดค่าติดตามเร่งรัดหนี้สินค่อนข้างสูง ว่ากันว่าออกจดหมายทวงหนี้ฉบับนึงคิด 200 ถ้าออกไปตามแต่ละครั้งต่ำสุด 500 บาท ถ้าไกลหน่อยก็ 2,000-3,000 บาท ที่ผู้คนกลัวมากที่สุดก็คือการทำอะไรกันแบบไม่ซื่อตรง มีการแอบเพิ่มเงื่อนไขในสัญญาแล้วถือโอกาสยึดทรัพย์ของลูกค้ามาเป็นของตัวเองก็มีไม่น้อย เมื่อบริษัทเล็กๆก่อเกิดขึ้น โดยยึดหลักความซื่อตรง ยึดหลักความถูกต้องที่ไม่ยอมเอารัดเอาเปรียบกัน สถานประกอบการแห่งนี้จึงกลายเป็นธุรกิจเล็กๆที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วไป แล้วเมื่อผ่านไปประมาณ 2-3 ปี ก็เริ่มขยายกิจการไปเริ่มที่ตึก 2 คูหา ริมถนนสุขุมวิทที่บริเวณตลาดภิบาลพัฒนา ภายใต้ชื่อว่า ธนาธิวัตถ์ ตอนนั้นมีคนถามว่าทำไมจึงใช้ชื่อนี้เราบอกเขาว่าชื่อนี้เพราะดีแล้วก็ความหมายดีด้วย ธนาหมายถึงมากมาย ธิหมายถึง ความคงอยู่ วัตถ์ หมายถึงวัตถุหรือทรัพย์สินเมื่อรวมความกันแล้วกลายเป็นความหมายว่า ทรัพย์สินมากมายที่คงอยู่

จากนั้นบริษัทเล็กๆที่เริ่มต้นด้วยตึก 2 คูหาก็เริ่มเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมีสาขาที่ 2 เกิดขึ้นที่หน้าตลาดวัดลุ่มที่จังหวัดระยอง แล้วตามด้วยสาขาที่ 3 ที่โค้งสนามเป้าจังหวัดจันทบุรีจากนั้นไม่กี่ปี บริษัทเล็กๆก็เริ่มเป็นบริษัทใหญ่ขึ้น เรากลายเป็นบริษัทที่เติบโตใน 2 จังหวัดที่ระยองและจันทบุรี และตอนนั้นก็เริ่มปูพื้นฐานเข้าสู่การทำธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างเหลือเชื่อด้วยการสร้างปรากฏการณ์ ขายสินค้าแบบถล่มทลาย ด้วยนโยบายขายสินค้าราคาค่อนข้างต่ำแล้วก็คิดดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเปิดตลาดเงินผ่อนให้คนที่มีฐานะไม่พร้อมที่จะซื้อเงินสดด้วยเงินก้อน ได้มีโอกาสเข้าถึงการซื้อเครื่องใช้ในบ้านโดยวิธีการผ่อนโดยเริ่มจากแต่ละชิ้นแต่ละชิ้นไป จนกลายเป็นว่าทุกครัวเรือน จะมีทีวีมีตู้เย็นมีเครื่องซักผ้าครบเครื่องสิ่งอำนวยความสะดวก โดยวิธีการผ่อนจ่ายในราคาถูก เปิดตำนานการค้าเงินผ่อนอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นรายแรกของเมืองไทย และนั่นคือที่มาของธนาธิวัตถ์

จากการเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง มีปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเรื่องเงินทุนความที่ธุรกิจเติบโตรวดเร็ว ก็มีความต้องการจากลูกค้าจำนวนมากทั้งเรื่องของการซื้อสินค้า ทั้งเรื่องการทำไฟแนนซ์ ผู้บริหารรุ่นถัดมาจึงเสนอให้ นำบริษัทเข้าสู่ตลาดทุนเพื่อจะได้มีโอกาสในการระดมทุน จากนั้นเปลี่ยนชื่อจากธนาธิวัตถ์ มาเป็นบริษัทสตาร์มันนี่จำกัด โดยผู้บริหารรุ่นใหม่มีความเห็นว่าเมื่อจะปรับตัวเข้าสู่ตลาดทุน ต้องทำให้ทันสมัย แล้วก็ได้รับข้อคิดจากบริษัทที่ปรึกษา ว่าควรแยกธุรกิจออกจากทรัพย์สินถาวร ซึ่งบริษัทธนาธิวัตถ์นั้นมีทรัพย์สินที่เป็นสาขาจำนวนมาก ถ้าเอามารวมกันจะทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น ทำให้ผู้ซื้อไม่สนใจที่จะซื้อหุ้นลงทุน ก็เลยแยกเป็นสตาร์มันนี่ออกจากธนาธิวัตถ์ และเพราะความเชื่ออะไรต่างๆที่ใส่ลงไปเพื่อทำให้ดูดีในสภาพตลาดทุน กรอบและแนวทางปฏิบัติจึงถูกชักนำให้หลงทาง โดยมุ่งไปที่การจะทำอะไรก็ต้องอยู่ในกติกาสากล ทั้งๆที่บางกฏกติกาก็ไม่เหมาะที่จะมาให้บริการลูกค้า เพราะมันทำให้ยุ่งยากและหมดความสะดวกโดยไม่จำเป็น เราหลงไปกับความเชื่อว่าต้องเป็นไปตามข้อบังคับเหล่านั้นจึงจะเป็นบริษัทมหาชนได้ แต่มาถึงวันนี้มันได้พิสูจน์ให้เห็นว่าอะไรก็สู้คำว่า 

ซื่อสัตย์และจริงใจไม่ได้และที่สำคัญการให้บริการอย่างมีน้ำใจมีความเอื้อเฟื้อต้องเป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุดที่ผ่านมาหลายปี บันไดที่เราเคยก้าวขึ้นมาหลาย 10 ขั้นในทุกปีที่เป็นธนาธิวัตถ์ กลับกลายเป็นทางลงตั้งแต่เป็นสถาบันนี้ ถึงแม้ ภาพของธุรกิจจะดูใหญ่โตขึ้นแต่ผลประกอบการกลับเป็นขาลงมาถึงปีนี้ เราได้บอกกับผู้บริหารรุ่นใหม่ว่าต่อไปนี้ เราจะทวงคืนบัลลังก์ที่ถูกสั่นคลอนให้กลับมาให้ได้ ไม่ว่ามันจะอยู่ภายใต้ชื่อว่าอะไร สิ่งที่เคยเป็นธนาธิวัตถ์จะต้องกลับมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบริการ เรื่องของวิธีการทำธุรกิจแบบไม่เอารัดเอาเปรียบ การมีน้ำใจต่อกันระหว่างผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการต้องเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราบอกกับพนักงานรุ่นเก่าทุกคนว่า พวกเธอต้องเป็นหัวรถจักรที่จะนำพาพนักงานรุ่นใหม่ให้เดินไปสู่ทิศทางที่ถูกที่ควร การทวงความยิ่งใหญ่ในอดีตไม่ใช่เป็นเพียงแค่เพื่อให้ธุรกิจขยายตัวเติบโตอย่างเดียว แต่มันต้องพ่วงเอาความเชื่อมั่นและความศรัทธากลับมาด้วย แล้วนั่นคือสิ่งที่เป็นเป้าหมายของเราในปีใหม่นี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *